ももいろの鍵 (The Peachy Key) – แปลไทยโดย Yumi-chan

 

 

 

MORE MORE JUMP!  x Megurine Luka (3DMV ver.)

 

 

泣いてるの?怒ってるの?
naiteru no? okotteru no?
ร้องไห้เหรอ? โกรธอยู่เหรอ?

幼い声が問う
osanai koe ga tou
ตัวฉันในวันวานถามขึ้น

心配いらないよ 笑えてるよ
shinpai iranai yo waraeteru yo
ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันยังยิ้มได้อยู่

返事は宙に浮くだけ
henji wa chuu ni uku dake
คำตอบทำได้เพียงเลื่อนลอยในอากาศ

 

あの日描いたもの 夢の色
ano hi egaita mono yume no iro
สีสันของความฝันที่ได้วาดไว้เมื่อตอนนั้น

しだいに濃くなる
shidai ni koku naru
ยิ่งเวลาผ่านไปมันยิ่งชัดเจน

1人じゃないことも分かってるよ
hitori janai koto mo wakatteru yo
และเมื่อมองไป รอบข้าง ฉันก็รู้นะว่า

横を見ている
yoko o mite iru

ฉันไม่ได้ตัวคนเดียว

 

ふと振り返る 遠くなっていく
futo furikaeru tooku natte iku
พอลองหันหลังกลับมาดู เส้นทางที่ได้เลือกเดิน

分かれ道はまるでジオラマに
wakaremichi wa marude jiorama ni
ที่ไกลออกไปเรื่อยๆนั้นเหมือนกับโมเดล

馴染んだ思い出のよう
najinda omoide no you
ฉากในห้วงคำนึงที่ฉันคุ้นชิน

 

いざなったクローバー この場所を選んで

izanatta kuroobaa kono basho o erande
โคลเวอร์ได้เชื้อเชิญฉันมา เลือกที่ที่ตรงนี้

輝くステージに立っている
kagayaku suteeji ni tatte iru
ยืนบนเวทีแสดงอันเจิดจรัส

共に行くあなたの手 掴んだその手が
tomo ni iku anata no te tsukanda sono te ga
มือของเธอที่ฉันจับไว้ มือของเธอที่เดินร่วมทางกันมา

痛くないようにと願っているから
itakunai you ni to negatte iru kara
ฉันขอให้ไม่มีความเจ็บปวดใดมากล้ำกราย

 

かじかんで かじかんで
kajikande kajikande
มันชาไปหมด จนขยับไม่ได้

その度に暖めて
sono tabi ni atatamete
เวลาแบบนั้นอยากฉันได้ไออุ่นจากเธอ

煌めくライトも落ちる影も
kirameku raito mo ochiru kage mo
แสงไฟเวทีระยิบระยับ เงาที่ทอดผ่านพื้น

全て愛していたいから
subete aishite itai kara
อยากจะรักมันทุกทุกอย่าง เพราะงั้น

泣かないで 泣かないで
nakanaide nakanaide
ไม่ต้องร้องนะ ไม่ต้องร้อง

そのために側にいる
sono tame ni soba ni iru
ฉันจะอยู่ข้างๆเธอ ไม่ให้เธอหลั่งน้ำตา

震える指にこの手を添えて
furueru yubi ni kono te o soete
ฉันจะกุมมือที่สั่นระริกนี้ไว้

今 鍵を開けるまで
ima kagi o akeru made
จนกว่า เธอจะไขกุญแจเปิดประตูออกไป

 

やがて背負うもの 託す音
yagate seou mono takusu oto
ในตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องแบกรับ เสียงความคาดหวัง

輪郭は濃くなる
rinkaku wa koku naru
สิ่งเหล่านั้นชัดเจนมากขึ้น

1人じゃないことも分かってるよ
hitori janai koto mo wakatteru yo
และเมื่อมองไป ข้างหน้า ฉันก็รู้นะว่า

前を見ている
mae o mite iru
ฉันไม่ได้ตัวคนเดียว

 

ふと振り返る 見えなくなっていく
futo furikaeru mienaku natte iku
พอลองหันหลังกลับมาดู

分かれ道はまるで
wakaremichi wa marude
เส้นทางที่ได้เลือกเดินมันเริ่มเลือนราง

写真立てにしまった記憶のよう
shashin tate ni shimatta kioku no you
เหมือนความทรงจำที่เก็บเอาไว้ในกรอบรูป

 

いざなったクローバー その葉を手に取って
izanatta kuroobaa sono ha o te ni totte
โคลเวอร์ได้เชื้อเชิญฉันมา ฉันจึงรับใบของมันไว้

新たなステージを待っている
arata na suteeji o matte iru
ฉันตั้งตารอที่จะได้ขึ้นบนเวทีแห่งใหม่

共に行くあなたの目 見つめたその目の
tomo ni iku anata no me mitsumeta sono me no
ดวงตาของเธอที่ฉันมองเข้าไป ดวงตาของเธอที่เดินร่วมทางกันมา

星が褪せぬように 願っているから
hoshi ga asenu you ni negatte iru kara
ฉันหวังว่าดวงดาวภายในนั้นจะไม่ดับแสงไป

 

眩しくて 眩しくて
mabushikute mabushikute

แสงที่ส่องมา มันช่างสว่างจ้า

その先に手を伸ばして
sono saki ni te o nobashite
แต่ฉันยังคงเอื้อมมือออกไปข้างหน้า

触れたものも 受けた傷も
fureta mono mo uketa kizu mo
สิ่งที่ฉันได้รับรู้ บาดแผลที่ฉันได้รับ

全て憶えていたいから
subete oboete itai kara
อยากจะจดจำมันทุกทุกอย่าง เพราะงั้น

負けないで 負けないで
makenaide makenaide
อย่ายอมแพ้นะ อย่ายอมแพ้

そのために側にいる
sono tame ni soba ni iru
ฉันจะอยู่ข้างๆเธอ ไม่ให้เธอถอดใจ

隔たりの奥 見えない世界まで
hedatari no oku mienai sekai made
จนกว่าจะไปถึงฝั่งฝันที่ปรารถนา

届いて欲しい夢
todoite hoshii yume
ในโลกอนาคตอันห่างไกลที่ยังมาไม่ถึง

 

泣いてるの?怒ってるの?
naiteru no? okotteru no?
ร้องไห้เหรอ? โกรธอยู่เหรอ?

幼い声が問う
osanai koe ga tou
ตัวฉันในวันวานถามขึ้น

心配いらないよ 笑えてるよ
shinpai iranai yo waraeteru yo
ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันยังยิ้มได้อยู่

返事を歌にして 届けていく
henji o uta ni shite todokete iku
เปลื่ยนคำตอบเป็นบทเพลง แล้วส่งไปถึงเธอ

 

今微笑んで 微笑んで
ima hohoende hohoende
ตอนนี้ ระบายรอยยิ้ม ยิ้มออกมา

優しさをその頬へ
yasashisa o sono hoho e
ให้พวงแก้มแต่งแต้มด้วยความอ่อนโยน

煌めくライトも 落ちる影も
kirameku raito mo ochiru kage mo
แสงไฟเวทีระยิบระยับ เงาที่ทอดผ่านพื้น

全て持っていくから
subete motte iku kara
ฉันจะจดจำไว้ทุกเรื่องราว เพราะงั้น

乗り越えて その先へ
norikoete sono saki e
ก้าวข้ามไป สู่หนทางข้างหน้า

ただ前へ歩いていく
tada mae e aruite iku
แล้วก้าวตรงไปแบบนั้น

震える指にこの手を添えて
furueru yubi ni kono te o soete
ฉันจะกุมมือที่สั่นระริกนี้ไว้

今 鍵を開ける
ima kagi o akeru
เวลานี้ ไขกุญแจเปิดประตู

 

錆び付いていても
sabitsuite ite mo
ถึงแม้จะขึ้นสนิม

消えない色で 今
kienai iro de ima
แต่ด้วยสีสันที่ยังไม่จางไป ตอนนี้

ドアを開ける
doa o akeru
เปิดประตู

 

 

ถ้าให้ Yumi-chan ลองแปลชื่อเพลงเพลงนี้

Yumi-chan คงจะแปลว่า “กุญแจร้อยเฉด” (Yumi-chan รู้ตัวเองดีว่า เซนส์การตั้งชื่ออะไรแบบนี้ไม่ค่อยจะมี… )

 

ที่มาของรูปภาพ

แต่นอกจากความหมายชมพูๆแล้ว จากคอมเมนต์คนญี่ปุ่นเหมือนว่า ももいろ ไปพ้องกับ   百色( 百=หนึ่งร้อย, 色=สี)=การที่จะเป็นสีอะไรก็ได้ (การที่ตัวเองจะสามารถเป็นอะไรก็ได้)

Yumi-chan พอรู้ก็อึ้ง ว้าว✨

เซนส์ตั้งชื่อ iyowa-san เจ๋งโคตร (ถึงแม้ที่มาของชื่อ iyowa จะเป็นแค่เพราะผู้แต่ง “ท้องไส้ไม่ค่อยจะดี” (胃(i)=กระเพาะ+弱(yowa)=อ่อนแอ) แค่นั้นเอง55  )


แปลไปแปลมา ตรงนี้ใช้ “ฉัน” ตรงนี้ใช้ “เธอ” Yumi-chan เลยสงสัยว่าฉันๆเธอๆ ในแต่ละที่ “ฉันคือใคร?” “เธอคือใคร?” เพื่อคลายข้อสงสัย Yumi-chan เลยไปงม MV มาแล้วลองไล่ไทม์ไลน์ดู (ความมโนส่วนบุคคลล้วนๆ)

 

1. ท่อนแรกตรงนี้มีตัวเองตอนเด็ก ถามตัวเอง “ตอนปัจจุบัน”ที่ใส่ชุดเดรส(ไอดอล) ตรงนี้ไม่ต้องพลิกแพลงอะไร ความหมายตามเนื้อเพลง

 

 

 

2. “สีสันของความฝันที่ได้วาดไว้เมื่อตอนนั้น” ตั้งแต่ท่อนนี้ Yumi-chan คิดว่าเป็นการย้อนความเป็นมาของตัวเอง“ตอนเด็ก” (ชุดนร.)

(ฉัน)

โดยมี
“ฉันขอให้ไม่มีความเจ็บปวดใดมากล้ำกราย”
“ไม่ต้องร้องนะ ไม่ต้องร้อง” ท่อนที่มาโต้ตอบ ปลอบโยน ภาวนาฉัน ตรงนี้คือ “ปัจจุบัน” ที่เป็นไอดอล

(เธอ)

ฉันจะอยู่ข้างๆเธอ จนกว่า เธอจะไขกุญแจเปิดประตูออกไป”

 

 

3.“ในตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องแบกรับ เสียงความคาดหวัง” ตั้งแต่ท่อนนี้ Yumi-chan คิดว่าเป็นตอน ย้อนความถึงตัวเองในอดีตที่เป็นไอดอล (ฉัน)

 

 

4.“ฉันหวังว่าดวงดาวภายในนั้นจะไม่ดับแสงไป”

อย่ายอมแพ้นะ อย่ายอมแพ้ ‘เธอ’ที่มาตอบโต้ตรงนี้ Yumi-chan คิดว่าเป็นตัวเองที่เป็นผู้ใหญ่ในอนาคต (เธอ)

 

 

ฉันจะอยู่ข้างๆเธอจนกว่าจะไปถึงฝั่งฝันที่ปรารถนา ในอนาคตอันห่างไกลที่ยังมาไม่ถึง”

***คนที่วาดด้วยเส้นสีชมพูด้านหลัง มีหลายคน ตัวตนไม่แน่นอน(ปิดหน้าด้วยช่อดอกไม้) =ตัวเองที่เป็นผู้ใหญ่ในอนาคต อนาคตที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ (ครู พยาบาล นักวาด ฯลฯ)

 

 

 5. กลับมาที่เนื้อเหมือนท่อนแรก ความหมายตามเนื้อเพลง

 

 

และท่อนสุดท้ายตัวเองที่เป็นผู้ใหญ่ในปัจจุบัน(ที่คนดูก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ที่แน่ๆไม่ใช่ไอดอลแล้ว) ไม่มี ‘เธอ’ แล้ว

“ฉันจะกุมมือที่สั่นระริกนี้ไว้ ไขกุญแจเปิดประตูก้าวข้ามอดีต ไปสู่หนทางข้างหน้า”

 

ป.ล.
・Yumi-chan อ้างอิงไทม์ไลน์ (จากการมโน) นี้ในการแปล

・การที่ตัวเองพูดคุยกับตัวเองในจิตใจอะไรอย่างงี้ มันให้อารมณ์ดูอ่อนไหว เปราะบางดี

 

 

ขอบคุณที่อ่านจนถึงตรงนี้ เจอกันใหม่ Blog ต่อไป
Yumi-chan