เก็บของย้ายบ้านหนี X

ด้วยกฎ X ที่กำลังจะนำมาใช้วันที่ 15 พฤศจิกายนที่ทำให้เหล่าครีเอเตอร์อยู่ยาก Yumi-chan ที่มีบ้านใน X ก็คิดว่าคงต้องรื้อบ้าน และย้ายบ้านกลับมาบล็อก  
หลังจากที่ไม่ได้อัพบล็อกมานานนม ก็แอบเก้อๆกังๆ ในการเขียนโพสต์ แต่คงปลอดภัยกว่า X แหละนะ

เนื้อหาต่อไปเป็นสิ่งที่หลงเหลือจากการเก็บกวาดบ้านใน X ที่เวิ่นเว้อเกม プロセカ บ้างอะไรบ้าง ใครสนใจก็ดูได้ค่า

Nov 21, 2023

จบอีเวนต์ world link แรกกันไปแล้ว 

พอเนื้อเรื่องมันเปิดให้ทีละตอน 2 ตอนแบบนี้จะหวีดอะไร ความจำก็เริ่มเลือนรางละ แต่ที่รู้แน่ๆคือ “โลกที่ไม่มีใคร” เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น 

มาดูหน้าแมพ “โลกที่ไม่มีใคร” เพิ่มออกเป็น 2 ส่วน ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดขนาดนี้

ทำให้เราตื่นเต้น แล้วก็คาดหวังกับ world link อีเวนต์หน้าๆกันทีเดียว ส่วนเนื้อเรื่อง นีโก้ทุกคนก็ได้พบกับ “ทะเลสาบ” แล้วก็ได้เจอของอย่างหนังสือนิทาน ภาพสเกชต์ของเอนะ 

แล้วก็แอปเปิล ซึ่งเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับผู้สร้างโลกอย่างมาฟุยุ

อ่านเนื้อเรื่องไปส่วนใหญ่ก็จะเป็นฉากมาฟุยุกับคานาเดะคุยกัน ให้อารมณ์เย็นๆ เงียบ สงบดี55 

สิ่งที่รู้สึกอบอุ่นก็คือ คานะเดะ เอนะ มิซึกิพยายามจะก้าวผ่านพ้นปัญหาของตัวเองด้วยเพราะต้องการช่วยมาฟุยุนี่แหละ 

คานาเดะ : ฉันจะแต่งเพลงที่จะช่วยมาฟุยุให้ได้ แล้วยิ้มออกมา (ไม่ได้ทรมาณเหมือนก่อนหน้า) 

เอนะ : จะฝึกฝนวาดภาพต่อไป ถึงแม้ว่าจะต้องพยายามกว่าคนอื่นเพราะตัวเองเก่งไม่เท่าคนอื่น เพราะรู้ว่าภาพที่ตัวเองวาดสามารถช่วยอะไรมาฟุยุได้

มิซึกิ : ที่คอยซัปพอร์ตเพื่อนด้วยคำพูด เหมือนว่ามิซึกิก็คิดแล้วว่าจะต้องบอกเพื่อนเรื่องตัวเองในสักวัน

เหมือนเป็นเนื้อเรื่องเพื่อให้ตั้งหลักสำหรับ เนื้อเรื่องสเตจถัดไป

 ส่วนเราก็รอติดตามต่อ ว่านีโก้จะรับมือกับคุณแม่ยังไงต่อไป55 รออีเวนต์ถัดไปอย่างใจจดใจจ่อ

อีเวนต์ world link ก็วนจบครบทุกยูนิตเรียบร้อย ถึงแม้เกมจะใส่ลูกเล่นเพิ่มขึ้น แต่อุปกรณ์ผู้เล่นจะรองรับไม่ค่อยไหวแล้ว~
กลับมาอีเวนต์ปัจจุบัน ตอนนี้เพื่อนๆニーゴต้องช่วยมิซึกิแล้วล่ะนะ

Nov 6, 2023

อีเวนต์ชิซึกุซัง กับการช่วยให้ผู้จัดการตัดสินใจเดินตามฝัน 

ไซโต้ซัง(ชื่อคุณผู้จัดการน่าจะอ่านว่าไซกะ) ครอบครัวของไซโต้ซังแบบอบอุ่นอ่ะ ขนาดลูกสาวตัวเองเขาตอบตกลงที่จะสืบทอดกิจการ ครอบครัวกลับบอกว่าหากมีความฝันที่อยากทำก็ทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำเถอะ
 

โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นครอบครัวในอุดมคติ ที่ทั้งฝั่งผู้ใหญ่ก็ดี ตัวไซโต้ซังเองคือก็อยากที่จะ “รับผิดชอบ” และทำตาม “ความคาดหวัง” ที่ตัวเองได้รับ

ส่วนทางฝั่งโมโมจัง โดยชิซึกุซังเป็นตัวแทน ช่วยดันหลังให้อย่างอบอุ่น เพราะตัวชิซึกุเองเคยผ่านประสบการณ์มาก่อน

(ประสบการณ์ที่ทำเอาเจ้าตัวเลิกที่จะเป็นไอดอลเลย) 

การเอาประสบการณ์ที่เจ็บปวดในอดีตของตัวเองมาเป็นพลังแบบนี้ ของสึคาสะก็มีเช่นกันอย่างตอนแสดงโทรุเปะ(เขียนไทยแล้วตลกแปลกๆ) หรือตอนแสดงเป็นริโอะ 

ทุกตัวละครก็ต้องผ่านความเจ็บปวด ก่อนที่จะเติบโตสินะ

(แต่ละโพสต์เริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆ)

อีเวนต์หลัง world link ของนีโก้ ก็ได้เวลา WxS!! ได้เวลาภาวนาให้สึคาสะเป็นแบนเนอร์อีกแล้วสินะ

ป.ล. Vocaloid_P ในดวงใจ MIMIซัง งานดีเช่นเคย

โพสต์ใน X อ่านแล้วกระท่อนกระแท่นแฮะ กลับมาอ่านแล้วงงเอง
พูดถึงอีเวนต์ world link แบนเนอร์คือทั้งสี่คนแหละ ไม่ต้องภาวนง ภาวนาอะไร
เพลง はぐ ver. เลนคุงก็เพราะ~

Oct 23, 2023

อีเวนต์เลโอนีด…อีเวนต์หน้าเป็นโฮนะจังแน่ๆ

ตอนนี้ก็ยังเป็นเนื้อเรื่องช่วงก่อนเดบิวต์วง ที่ระหว่างคุยกันเอกสารนู่นนี่นั่น ซิงเกิ้ลแรกเอย โปรโมชั่นเอย แล้วชินโดซัง(คุณพ่อคนใหม่) ก็ให้การบ้านเกี่ยวกับความตั้งใจ ความคิดของตัวเองเกี่ยวกับกับการเล่นดนตรี 

ซากิที่เล่นดนตรีเพื่อส่งกำลังใจให้ผู้คน 
 

อิจิกะที่อยากให้ดนตรีเชื่อมต่อคนจากอีกคนไปสู่คนต่อไป 

เหลือชิโฮะกับโฮนามิ…. อีเวนต์ก็พูดถึงชิโฮะสมัยก่อนหน้าที่จะเริ่มจริงจังกับเบส สิ่งที่ตัวเองอยากจะทำกับเสียงของคนรอบข้าง (ฟังแล้วก็เจ็บแทนน้องนะ) 

เนื้อเรื่องเกมนี้เวลามีม็อบพูดอะไรด้านลบกับตัวละครคือเจ็บตลอด

ขณะที่ชิโฮะก็หนักใจอยู่ น้องก็ไปพบกับไอดอลอลในดวงใจ หลังจากพูดคุยและชมไลฟ์ น้องก็ก้าวผ่านความคิดที่น่าหนักใจ

 “เมื่ออยากทำอะไรแล้ว ก็จะทำมันโดยไม่หวั่นไหวกับอะไร” 

เพราะเมื่อเรามี passion เช่นนี้ตัวเราก็คงเท่น่าดูไม่หยอก

กลับไปไล่ดู…ทายถูกด้วยเฮ้ย ว่าถัดจากเนื้อเรื่องชิโฮะจังแล้วเป็นโฮนามิ (หรือในเนื้อเรื่องมันเดาง่ายอยู่แล้วหว่า…)

Oct 12, 2023

อีเวนต์แรกหลังจากเทศกาลครบรอบ 3 ปีจบคืออากิโตะ… 

เปิดมาตอนแรกนึกว่ามีตะเป็นตัวเอกนะเนี่ย55 พอตั้งแต่ตอนที่ 2 ที่บอกที่มาที่ไปว่าเป็นการเตี๊ยมกัน แบ่งหน้าที่กันแต่ละคน เคนซังให้อากิโตะเป็นไม้แรกอุ่นเครื่องให้กับคนในเมือง 

ก็คืออากิโตะ!!อีเวนต์นี่นายเมนมาก เมนสุดฤทธิ์สุดเดช
ใบหน้าตอนอากิโตะร้องเพลงตามอารมณ์(รูปการ์ด) คือสดใส ปลดพันธะที่สั่งสมมาอ่านไปแบบเครื่องร้อนตาม แล้วอะไรคือตอนจบที่ว่าเดี๋ยวก็ “ก้าวข้ามrad weekend” ได้แล้วคนในเมืองงง คนอ่านก็งง 
เอาเป็นว่าวันดาโชก็ใช้ทั้งสวนสนุกมาพัวพัน คราวนี้ถึงตาบิบัสบ้าง เป็นตอนจบที่ให้ความรู้สึกอย่างนั้นเลย
หลังจบอีเวนต์ครบรอบ 4 ปีของเนเนะจัง ถัดมาอีก 2 อีเวนต์ก็วนมาอีเวนต์อากิโตะอีกแล้ว
ถือโอกาสแปะลิงก์ คลิปเม้าท์มอยที่อุตส่าห์ทำหน่อยละกันค่ะ55 (อย่าหาสาระใดๆ เอาจอยๆ)

Sep 30, 2023

ความภาคภูมิใจ🥳🥳 
เริ่มเก็บเพชรตั้งแต่อีเวนต์ทัศนศึกษาเกียวโต
บวกกับได้เพชรมาอีก5พัน ตอนวันครบรอบ
สึคาสะมาเป็นคนแรกของตู้เลย!!

200 โรล อิจิกะไม่ออกคนเดียว คุ้มจริงคุ้มจัง …เอาล่ะ เริ่มเก็บเพชรใหม่55

แล้วหลังจากนั้น Yumi-chan ก็รู้ว่าถ้ากด 200 โรลแล้วมี シール พอก็สามารถแลกอิจิกะได้…เมื่อแลกอิจิกะได้เรียบร้อย ทำให้เซ็ทนี้เป็นเซ็ทเดียวที่เรามีการ์ดครบทุกใบ

แล้วหลังจากนั้นเวลาผ่านไปจนครบรอบ 4 ปี การเก็บเพชรของ Yumi-chan ก็ไม่เคบประสบความสำเร็จอีกเหมือนรอบนี้เลย555

ขอบคุณที่หลงมาอ่านจนถึงตรงนี้ เจอกันใหม่ Blog ต่อไป
Yumi-chan

บันทึกอีเวนต์ WxS_แบนเนอร์ “เรื่องราวที่เธอคือตัวเอก”​

บันทึกอีเวนต์ WxS_แบนเนอร์ "เรื่องราวที่เธอคือตัวเอก"

Warning

เนื้อหาต่อไปนี้เป็นการสปอยล์ ใครไม่อยากโดนสปอยล์เชิญกดปิดจากหน้านี้ ส่วนใครอ่านเนื้อเรื่องแล้ว หรือจะโดนสปอยล์ก็ไม่เป็นไรก็เชิญเลย!!

ก่อนอื่นก็ต้องหวีดภาพนี้ก่อนล่ะ สิ่งแรกที่กระทบลูกกะตาคือความเท่ ความดาร์ก (ความอยากได้55) รอบนี้กดไป 80 โรลละไม่มาซักกะคน…

สึคาสะทำไมรอบนี้เท่ขนาดนี้…ละก็ถ้าเทียบการ์ดสึคาสะ กับการ์ดรุย กับเมย์โกะเน่ซัง
อัญมณีที่ต่างหูสึคาสะมันไม่เตะตาเท่ากับอีก 2 คน หรืออาจจะสื่อว่าตัวสึคาสะเองนี่แหละที่เป็นอัญมณี ซึ่งเปล่งประกายจนคนอื่นมองเห็นอัญมณีอื่นหม่นแสงกันเลยทีเดียว
และอาจจะด้วยเหตุนี้ รุยที่เมื่อมองไปยังอัญมณีก็มองด้วยสายตาแบบ ภูมิใจ หลงใหล (แถมหลอดไฟด้านหน้าที่ภายในเป็นหลอดไฟ ‘รูปดาว’ ‘สีเหลือง’ แล้วไอแสงหลอดไฟก็ไปกระทบหน้ารุย…อืม คิดแล้วดีต่อใจ)
ส่วนการ์ดเมย์โกะเน่ซังท่อนขาสวยจัง ทำไมพี่เขารายล้อมไปด้วยตุ๊กตากันน้า~ เนื้อเรื่องมีการพูดถึง การแสดงโชว์ของสึคาสะตอนเด็กๆ ว่าใช้เจ้าพวกตุ๊กตาเนี่ยทำการแสดง ซึ่งสึคาสะจินตนาการว่าตุ๊กตาเป็น ‘ตัวเอก’ ของโชว์นั้นๆ

หรือก็คือเน่ซังที่อยู่ท่ามกลางเหล่า ‘ตัวเอก’ เหล่านี้ ก็ถือว่าเน่ซังก็เป็น ‘ตัวเอก’ เช่นกัน ?

กลับมาที่สึคาสะอีกนิดนึงนอกจากความเท่ ความดาร์ก อีกคำที่คิดได้คือ 支配者 (Shihaisha) ผู้ปกครอง…ดูท่าโพสสิ แล้วไอรอยยิ้มที่ดูไม่กลัวใครนั่นอีก ฮือ เป็นการ์ดที่สไตรก์กลางใจจริงๆ

_____________________________________________________________________

เปลี่ยนโหมดมาพูดถึงเนื้อเรื่องกันบ้าง ตัวละครใหม่ครั้งนี้ ‘บาคุโนะ เรกิ’…เคมีเข๊าก๊านเข้ากันกับเทนมะซัง บาคุโนะซังก็แน่ล่ะว่าสายจินตนาการเก่ง สึคาสะของเราที่พอเห็นบาคุโนะซังเขาจดสิ่งที่มโนได้ใส่สมุดขนาดนั้น ก็เลยคิดว่าเราไม่ได้มี ‘พลังแห่งการจินตนาการ’ เท่าบาคุโนะซัง
แต่ไปไปมามาพอได้คุยกับเมย์โกะซัง กับตุ๊กตากระต่ายที่เคยทำโชว์มาด้วยกัน สึคาสะก็มารู้ตัวว่าเมื่อก่อน ตัวเองก็ใช้จินตนาการเหมือนกัน แต่คนละแนวกับบาคุโนะซังที่ให้ความสนใจกับเหล่า ‘ตัวละครประกอบ’ เป็นพิเศษ ส่วนฝั่งสึคาสะก็สมเป็นสึคาสะคือ ‘ตัวเอก’ ต้องมาก่อน
ทีนี้สึคาสะก็ได้ใช้วิธีการ ‘สร้างเรื่องราวชีวิต’ ให้กับตัวประกอบ บทพูด 3 ประโยคที่ตัวเองต้องเล่น
เท่านี้แม้แต่ตัวประกอบก็สามารถกลายเป็นตัวเอกได้แล้วในเรื่องราวชีวิตของตัวละครนั้นๆ

เป็นวิธีเพื่อเข้าใจบทแสดงที่เราไม่เคยเห็น ไม่เคยอ่านมาก่อน ตื่นเต้นดีอ่ะ แล้วก็สมกับที่เป็นสึคาสะดี (รอบที่ 2)

ละทีนี้พอสึคาสะกับเพื่อนช่วยกันคิดบทชีวิตของนากายามะได้ ก็ลองเอาไปปรึกษากับบาคุโนะซัง…เราคิดว่าบาคุโนะซังเขาเป็นพี่พวกสึคาสะนะ (อาจซัก 20 ต้นๆ ?) แต่พอพี่เขาได้คุยเรื่องที่ตัวเองถนัด พี่เขากับสึคาสะคุยกันอย่างออกรส อารมณ์เหมือนคนรุ่นราวคราวเดียวกันเลย น่ารักกกกกก
"จริงด้วยครับ...! แม้จะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยๆ แต่ท่าทีของนากายามะต่อฮิโนะก็ดูจะเปลี่ยนไปเลย...!"
เมื่อถึงวันแสดงจริง (ชอบเนื้อเรื่องวันดาโช ที่ได้ดูพวกสึคาสะแสดงในเนื้อเรื่องนี่แหละ) หลังจากผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อมาเข้าฉากพูด 3 ประโยค ปรากฏว่า…

เด่นเกินไป55 นั่นสิเนาะ ก็อยู่ๆนากานามะก็กลายเป็นตัวเอกอีกคนเฉยนี่เนาะ55 ชอบ ชอบ อย่าไปกลัว

"...สมน้ำหน้า"

(↑ อันนี้เป็นการเข้าบทแสดงแบบอินสุด )

ก่อนจะจบเนื้อเรื่อง พี่บาคุโนะที่ก่อนหน้านี้ไม่ยอมรับงานแสดงบทเป็นตัวเอก ก็ได้มาบอกกับทั้ง 4 คน ว่าหลังจากที่ได้ร่วมแสดงกับสึคาสะแล้ว ก็เปลี่ยนใจยอมรับงานแสดง และชวนให้วันดาโชทุกคนลองสมัครแคสติ้งนักแสดงภาพยนตร์ที่พี่เขาจะได้เล่นดู

ชอบความที่สึคาสะเค้ามีอะไรบางอย่างที่แบบส่งผลต่อคนอื่น แบบเนี่ย!!

ทีนี้ก็วางบทปูอีเวนต์หน้าเป็นที่เรียบร้อย แต่วันดาโช อีเวนต์หน้าเป็นของรุยแน่นอน เนื้อเรื่องจะมาเกี่ยวกับการลองสมัครแคสติ้งหนังยังไงหว่า… เนื้อเรื่องสึคาสะกับเนเนะ พอเดาได้ว่าจะมาทางไหน แต่รุยกับเอมุจังนี่ไม่รู้แฮะ 
นอกเรื่อง
●โทร์ป→ แอนดรอยด์→ริโอะตัวประกอบ 3 ประโยค

น่าจะตั้งแต่อีเวนต์เปียโน ที่สึคาสะเริ่มจะลำบากกับบทแต่ละบท แล้วก็น่าจะต้องลำบาก ฝึกฝนอะไรกันต่อไป สู้ๆ

●อีเวนต์นี้ไม่เศร้าแล้ว เย่

ขอบคุณที่หลงมาอ่านจนถึงตรงนี้ เจอกันใหม่ Blog ต่อไป
Yumi-chan

テオ (Teo) – แปลไทยโดย Yumi-chan

 

 

Omoi feat. Hoshino Ichika & Hatsune Miku 

SubThai Ver. ( MV เวอร์ชันรสนิยมส่วนตัว 55)

 

 GALLERY⇓

 
 
考える
Kangaeru

คิดวกวน

このままいつまで 隠しておけるかな
Kono mama itsu made kakushite okeru kana

ว่าจะปกปิดแบบนี้ไปได้อีกนานเท่าไหร่

帰りたくなった時 さよならは言えるかな
Kaeritaku natta toki sayonara wa ieru kana

เวลาที่ไม่อยากกลับไป จะสามารถพูดว่า “ลาก่อน” ได้ไหมนะ

見落としたあの日のサインが 少しずつ溶けても
Miotoshita ano hi no sain ga sukoshizutsu toketemo

แม้ป้ายบอกทางที่มองข้ามไปวันนั้น จะเริ่มซีดจางอย่างช้าๆ

きっと大丈夫だよ こうやって僕らまた逢えるから
Kitto daijoubu da yo kou yatte bokura mata aeru kara

แต่มันจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน เพราะเรายังพบกันได้แบบนี้ไง

目を閉じる
Me wo tojiru

หลับตาลง

小さな祈りは まだ残せるかな
Chiisana inori wa mada nokoseru kana

คำอธิษฐานอันริบหรี่นี้ ยังเก็บมันไว้ได้ไหมนะ

光が戻ったとき ただいまは言えるかな
Hikari ga modotta toki tadaima wa ieru kana

เวลาที่แสงสว่างกลับมา จะสามารถพูดว่า “ฉันกลับมาแล้ว” ได้ไหมนะ

行かなくちゃ
Ikanakucha

ต้องไปแล้วล่ะ

世界で一番 綺麗なものなら
Sekai de ichiban kirei na mono nara

หากเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดบนโลกนี้แล้วล่ะก็

今まで奪われてた分は
Ima made ubawareteta bun wa

สิ่งที่โดนแย่งไปทุกอย่าง

取り戻すまでさ!
Torimodosu made sa!

แค่ไปเอาคืนกลับมา!

もっと
Motto

มากกว่านี้

クラクラクラ クラクラさせてよ
Kurakurakura kurakura sasete yo

ทำให้ฉันมึนเมาด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนี้ทีเถอะ

ユラユラユラ ゆらぎを見せてよ
Yurayurayura yuragi wo misete yo

ให้เห็นใจที่สั่นไหว โคลงเคลงไปมานั่นทีเถอะ

キラキラキラ きらめいていてよ
Kirakirakira kirameiteite yo

ให้เฉิดฉาย เป็นประกายต่อไปด้วยเถอะ

そっと
Sotto

ลองเรียกหา

傷ついた夜を呼び出してみる
Kizutsuita yoru wo yobidashite miru

ค่ำคืนที่เจ็บช้ำอย่างแผ่วเบา

ささやかな魔法をひとつかける
Sasayaka na mahou wo hitotsu kakeru

แล้วร่ายเวทสั้นๆสักบท

それだけで僕らは飛べるのさ!
Sore dake de bokura wa toberu no sa!

เพียงเท่านี้พวกเราก็โบยบินได้แล้ว!

離さないでよ! 眼差しを
Hanasanaide yo! manazashi wo

ได้โปรด! อย่าละสายตา

僕達はもう 止まらないよ
Boku tachi wa mou tomaranai yo

เพราะพวกเราไม่มีทางหยุดอีกต่อไป

魔法が解ける それまで
Mahou ga tokeru sore made

จนกว่าเวทมนตร์ที่ร่ายไว้จะคลายลง

繋いでいてよ 手を
Tsunaideite yo te wo

ได้โปรดจับมือฉันไว้

手を!
Te wo!

จับมือฉัน!

ひとつだって残さない
Hitotsu datte nokosanai

จะไม่หลงเหลือสิ่งใดไว้

全てを取り戻すだけさ
Subete wo torimodosu dake sa

แค่เอาทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนมา

魔法が解ける それまで
Mahou ga tokeru sore made

จนกว่าเวทมนตร์ที่ร่ายไว้จะคลายลง

繋いでいてよ 手を 手を
Tsunaideite yo te wo te wo

ได้โปรดจับมือฉันไว้ จับมือฉัน

手を!
Te wo!

จับมือฉัน!

「何も罪を犯さないなんて どだい無理です
“Nani mo  tsumi wo okasanai nante dodai muri desu

“มันเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรก ที่คนเราจะไม่ก่อบาปใดใดเลย

ですから それをせめて隠しておくことを
Desukara sore wo semete kakushite oku koto wo

ด้วยเหตุนี้ การที่อย่างน้อยเราก็ปกปิดมันไว้

私達は 誠実と 呼ぶことにしました」
Watashi tachi wa sejitsu to yobu koto ni shimashita”

พวกเราเรียกการกระทำเช่นนี้ว่า ความซื่อสัตย์”

今まで奪われてた分は
Ima made ubawareteta bun wa

สิ่งที่โดนแย่งไปทุกอย่าง

取り戻すまでさ!
Torimodosu made sa!

แค่ไปเอาคืนกลับมา!

そっと
Sotto

ลองเรียกหา

傷ついた夜を呼び出してみる
Kizutsuita yoru wo yobidashite miru

ค่ำคืนที่เจ็บช้ำอย่างแผ่วเบา

ささやかな魔法をひとつかける
Sasayaka na mahou wo hitotsu kakeru

แล้วร่ายเวทสั้นๆสักบท

それだけで僕らは飛べるのさ!
Sore dake de bokura wa toberu no sa!

เพียงเท่านี้พวกเราก็โบยบินได้แล้ว!

もっと!
Motto!

ยิ่งกว่านี้!

クラクラクラ クラクラさせてよ
Kurakurakura kurakura sasete yo

ทำให้ฉันมึนเมาด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนี้ทีเถอะ

ユラユラユラ ゆらぎを見せてよ
Yurayurayura yuragi wo misete yo

ให้เห็นใจที่สั่นไหว โคลงเคลงไปมานั่นทีเถอะ

キラキラキラ きらめいていてよ
Kirakirakira kirameiteite yo

ให้เฉิดฉาย เป็นประกายต่อไปด้วยเถอะ

離さないでよ! 眼差しを
Hanasanaide yo! manazashi wo

ได้โปรด!อย่าละสายตา

僕達はもう 止まらないよ
Boku tachi wa mou tomaranai yo

เพราะพวกเราไม่มีทางหยุดอีกต่อไป

魔法が解ける それまで
Mahou ga tokeru sore made

จนกว่าเวทมนตร์ที่ร่ายไว้จะคลายลง

 
繋いでいてよ 手を
Tsunaideite yo te wo

ได้โปรดจับมือฉันไว้

手を!
Te wo!

จับมือฉัน!

ひとつだって残さない
Hitotsu datte nokosanai

จะไม่หลงเหลือสิ่งใดไว้

全てを取り戻すだけさ
Subete wo torimodosu dake sa

แค่เอาทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนมา

魔法が解ける それまで
Mahou ga tokeru sore made

จนกว่าเวทมนตร์ที่ร่ายไว้จะคลายลง

繋いでいてよ 手を 手を
Tsunaideite yo te wo te wo

ได้โปรดจับมือฉันไว้ จับมือฉัน

手を!
Te wo!

จับมือฉัน!

 

 

 

คอมเมนต์ผู้แต่งเพลง

不屈の歌です。
Fukutsu no uta desu

บทเพลงแห่งการต่อสู้

 

 

 

บันทึก Event WxS_Emu Banner “แฮปปี้เอนด์ของพวกเรา”

คำเตือน!!!!
  • บันทึกนี้เต็มไปด้วยการสปอยล์ สปอยล์ และสปอยล์ ใครยังไม่ได้อ่านเนื้อเรื่องอีเวนต์ WxS ทุกเรื่องมาก่อนอาจโดนสปอยล์ได้
  • Yumi-chan ว่าจะ ‘เขียน’ อย่างเดียว แต่มีช่วงนึงที่ Yumi-chan บันทึกในรูปแบบวิดีโอด้วย
  • บันทึกนี้ มีการตัดทอน ย่อเนื้อหา (เอามาแต่เฉพาะที่ Yumi-chan จะหวีด?55) เพราะงั้น ใครสนใจแล้วยังไม่เคยอ่านเนื้อเรื่องอีเวนต์ก็แนะนำเลย
ใครที่ OK ก็มาร่วมหวีดด้วยกันได้เลย!!
ตัว Yumi-chan ที่คิดไว้ว่า ถ้าไม่ใช่อีเวนต์ของรุย ก็ต้องเป็นอีเวนต์สึคาสะแน่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(←ความเอนเอียงจากความต้องการส่วนตัวล้วนๆ) ปรากฏว่าเป็นอีเวนต์เอมุจางงงงงงงงงงงงง น้องตอนเด็กปุ็กปิ๊กไปไหน(แล้วไอกระเป๋าสะพายน้องไก่นั่นคือ พลัสความปุ๊กปิ๊กไปอีก)
 

(สรุปว่าการที่ seiyuu เอมุจังมาในรายการ Wondershow Channel#34 แล้วได้รับหน้าที่อ่านคอมเมนต์เพลงของ nyanyannya (Daitensai_P) ก็เพราะอย่างนี้เองสินะ แล้วจำได้ว่าเสียง seiyuu ก็ตะมุตะมิเวอร์)

พอมาดูชื่ออีเวนต์ “Happy end ของพวกเรา”←…Happy end!! แสดงว่าหลังจากอีเวนต์ช่วงหลังๆมาที่ดูเค้าลางว่า WxS จะยุบตัวแล้วไปทางใครทางมันอยู่รอมร่อ ในที่สุดก็จะได้อยู่ด้วยกันจริงๆใช่หมายยยยย(´;ω;`)
↑  แล้วทำไมภาพการ์ดเนเนะถึงได้ร้องไห้ล่ะ เอ๊ะ!???

ส่วนการ์ดเมโกะเน่ซัง wow~

ตอนที่ 1 Let's GOOO!!

เช้ามาที่บ้านเอมุจัง เอมุจังที่ตื่นมาแต่เช้าเพื่อจะไปซ้อมการแสดงกับทุกคนเช่นเคย ก็เห็นพี่ๆกำลังพิจารณาเอกสารอะไรก็ไม่รู้เต็มโต๊ะไปหมด
เอมุจังเลยถามพี่ๆว่า “พวกพี่ๆทำอะไรอยู่น่ะ กระดาษเต็มโต๊ะขนาดนี้”
พี่คนโตเคสุเกะ “อ๋อ นี่เป็นข้อมูลผู้มาใช้บริการของเดือนที่แล้วกับผลสำรวจความพึงพอใจน่ะ”
เอมุจังได้ยินดังนั้นก็สนใจ “หนูขอดูด้วยได้ไหม!? หนูก็อยากรู้ว่ามีลูกค้ามากันกี่คน แล้วพวกเขามีความพอใจกันเท่าไหร่!”
พวกพี่ๆก็สอนให้ดูตัวเลขของลูกค้าเทียบจาก 2 เดือนก่อนหน้ากับเดือนที่แล้ว ผลก็คือตัวเลขเพิ่มขึ้นแบบพรวดพราด พี่ๆเลยบอกว่านี่เป็นเพราะ ‘การแสดงครบรอบ 30 ปี’ กลายเป็นที่พูดถึงกันอย่างไม่ต้องสงสัย  ทั้งฟีนิกซ์สเตจที่ดังอยู่แล้วก็ดี นอกจากนี้พอบอกว่า WxS ก็ร่วมแสดงด้วยผลลัพธ์ก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ
ผลลัพธ์ดังกล่าว และผลงานก่อนหน้านี้ของ WxS ทำให้พี่ๆในฐานะผู้บริหารก็อยากให้ WxS แสดงในสวนสนุกอย่างนี้ต่อไป แต่……….
พวกพี่ๆมองดูเอมุจังอ่านความเห็นของ ‘การแสดงครบรอบ 30 ปี’ ที่ชื่นชมการแสดงของสึคาสะ กับ เนเนะ แล้วท่าที่ของน้องก็ดูไม่ค่อยจะร่าเริงเหมือนเคย

(…ใกล้จะถึงเวลาที่จะต้องจากกับทุกคนแล้วสินะ มันก็เหงาๆจริงนั่นแหละ แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็อยากบอกลากับทุกคนด้วยรอยยิ้มอยู่ดี)ทิชชู อยู่หนายยย

แล้วฉากก็ตัดมาที่ WxS 4 คนกำลังดื่มด่ำกับความสำเร็จของ ‘การแสดงครบรอบ 30 ปี’ แน่นอนว่าทั้งสึคาสะกับเนเนะเพื่อจะไล่ตามความฝันของตัวเองทั้ง 2 ก็ต้องการประสบการณ์ขึ้นเวทีแบบนี้ยิ่งๆขึ้นไป เมื่อเอมุเห็นท่าทีของทั้ง 2 ก็เสนอว่า “ถ้าพวกเราช่วยกันคิด เดี๋ยวก็อาจจะเจอคำตอบก็ได้นะ” ส่วนรุยที่ไม่ว่ายังไงก็อยากจะไล่ตามความฝันของตัวเองด้วยกันกับเพื่อนๆ ก็เงียบไปและดูเหมือนว่าในที่สุดอีเวนต์นี้ รุยจะเริ่มทำอะไรบางอย่าง (หลังจากรุยได้สร้างปมไว้ เป็น 2 3 อีเวนต์แล้ว)

ตอนที่ 2

อะไรบางอย่างก็คือรุยได้ไปเจรจากับพี่ๆเอมุนั่นเอง
รุยได้ขออนุญาตจากพี่ๆว่าหลังจากนี้ WxS ขอแยกตัวจากสวนสนุกเพื่อทำการแสดงในฐานะฟรีแลนซ์ และแน่นอนว่าด้วยกันทั้ง 4 คน รวมถึงเอมุ
เคสุเกะ “เธอรู้ใช่ไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา”
เคสุเกะ “ที่เธอพูดหมายถึงการบอกว่าจะดึงเอาคนของตระกูลผู้บริหารคนนึงออกไปเลยนะ?”
รุย “ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่สมควร แต่ถึงอย่างนั้นไม่ว่ายังไงผมก็ยังอยากที่จะชวนให้เอมุไปด้วยกันครับ” ← บทมาขนาดนี้ Yumi-chan นึกว่านายจะเป็นแบนเนอร์
การ์ด 3 ดาวรุย ← (ชุดนี้สีไม่ค่อยฉูดฉาดนะ55 )

ตอนที่ 3

วันรุ่งขึ้น รุยได้บอกเพื่อนๆเรื่องที่ได้ไปเจราจามาเมื่อคืน สึคาสะกับเนเนะก็ดีใจเป็นอย่างมาก สึคาะสะถึงกับเอ่ยปากชม “สมแล้วที่เป็นรุย” แล้วสักพักเนเนะก็เอะใจว่า 
“ถ้าได้เป็นฟรีแลนซ์จริงๆ…แล้วเอมุล่ะ?”
สึคาสะ “จริงด้วย ความฝันของเอมุคือการทำให้วันเดอร์สเตจเต็มไปรอยยิ้ม ถ้าได้เป็นฟรีแลนซ์จริง พวกเราคงแสดงที่นี่ได้น้อยลง ทำให้ความฝันของเอมุไกลออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้…  “
“อื้ม… เพรางั้น ฉันจะแสดงอยู่ที่นี่ล่ะ” พูดแล้วน้องก็ฝืนยิ้ม
รุย “เอมุคุง ก่อนหน้านี้ผมได้ถามเอมุคุงว่าจะเอายังไงต่อไป เอมุคุงก็ตอบว่าจะไม่ไปกับพวกผม…จะอยู่ปกป้องที่นี่”
“รู้แบบนั้น แต่ก็ขอให้ผมพูดอีกซักครั้ง―ไปกับพวกเราไหม?
  •  
  •  
  •  
แล้วภาพคุณปู่เอมุก็ flashback มาー “ไม่ล่ะ ฉันไม่ไป”
รุยคุงก็อึ้งไป สึคาสะก็เงียบอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากนั้น เนเนะก็พยายามช่วยพูดให้เอมุเปลี่ยนใจ ส่วนรุยก็เข้าสู้โหมดทำใจไปแล้ว ฝั่งสึคาสะที่เงียบมาตลอด “………….เอมุ ชั้นน่ะ…..!” พยายามพูดอะไรแต่สุดท้ายก็พูดไม่ออก ท้ายที่สุดเอมุก็ปลอบใจทุกคน “ทุกคน อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นสิ! พยายามเข้านะ ทำให้ความฝันทุกคนเป็นจริงให้ได้ล่ะ!”
ตัดฉาก หลังจากลากับเอมุ เย็นนั้นระหว่างกลับบ้านด้วยกัน 3 คน เนเนะที่เหมือนยังไม่ยอมตัดใจพยายามคิดหาทางทำอะไรสักอย่าง แต่สึคาสะ…
(เห็นหน้าสึคาสะแบบนี้ครั้งแรกตอนอีเวนต์[天の果てのフェニックスへ](ไปให้ถึง ฟีนิกซ์แห่งขอบฟ้าอันไกลโพ้น) หมายความว่าน้องจะร้องใช่ไหม!!!)
สึคาสะ “มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ถ้าเอมุบอกว่าจะไม่ไปกับพวกเรา เราก็คงต้องไปกันแค่ 3 คน”
เนเนะ “เอ๊ะ… เดี๋ยวก่อน ทำไมถึงพูดออกมาง่ายๆอย่างนั้นล่ะ? สึคาสะจะยอมให้มันเป็นแบบนี้จริงๆ…! อ๊ะ…. ” พอสึคาสะเงยหน้าขึ้นด้วยตาที่เอ่อคลอแล้วพูดขึ้นว่า
”…การลาจากด้วยรอยยิ้ม มันช่าง―เป็นเรื่องที่แสนจะยากเย็นอะไรขนาดนี้”
ขณะนั้นเองจู่ๆก็มีโทรศัพท์มาหารุยจากพี่ๆเอมุ เพื่อแจ้งข่าวว่าตกลงที่จะให้ WxS เป็นฟรีแลนซ์ และนี่คือรีแอคชั่นของสึคาสะกับเนเนะ ก่อนจบตอน

ตอนที่ 4

หลายวันหลังจากนั้น ขณะที่รุยกำลังคุยกับพี่ๆของเอมุ รุยก็ได้บอกพวกพี่ๆตามตรงไปว่า เอมุเลือกที่จะอยู่แสดงที่สวนสนุกเหมือนเดิม พวกพี่ๆได้ยินแบบนั้นก็แปลกใจแล้วก็เหมือนคิดอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นพวกพี่ๆก็ได้แจ้งว่าถ้ายังไงก็อยากให้แสดงโชว์เนื่องใน ‘วันรำลึกการเปิดสวนสนุกฟีนิกซ์วันเดอร์แลนด์’ ก่อนจะกลายเป็นฟรีแลนซ์ได้ไหม รุยก็ได้ตอบว่าจะไปคุยกับทุกคนก่อน
แต่รุยก็คิดว่าทุกคนอยากที่จะแสดงแน่นอน
รุย (โชว์นี้คงจะเป็นโชว์สุดท้ายในฐานะนักแสดงของเวทีวันเดอร์สเตจถ้าอย่างนั้น…ต้องทำให้มันเป็นโชว์ที่เยื่ยมที่สุดแล้วล่ะ)←(ก็คืองัดให้สุดฝีมือเหมือนทุกทีใช่ไหมล่า)
ณ โลกวันเดอร์แลนด์ ท่ามกลางบรรยากาศในเวลาที่ต้องใกล้จะลาจาก ทุกคนก็ตกลงแสดงโชว์สุดท้ายนี้ เอมุเห็นทั้งเพื่อน และพวกมิกุดูเหงาๆ เศร้าๆ เอมุก็ไม่อยากจะลาทุกคนด้วยบรรยากาศแบบนี้ น้องจึงตะโกนออกมาว่า
“อาววววล่ะ! ทุกคน มาทำให้โชว์นี้เป็นโชว์ที่สนุกที่สุดเท่าที่เคยมีมากัน! เพราะงั้น…โชว์สุดท้ายนี้มาแสดงเรื่องนั้นกันเถอะ!”
[旅の一座の物語](เรื่องเล่าคณะละครเร่) โชว์เรื่องแรกที่พวกสึคาสะแสดงกับมิกุกับไคโตะนี่ซัง และท้ายที่สุดทำให้รุยตกลงยอมกลับมาร่วมแสดงกับ WxS หลังจากทะเลาะกันหนักมากตอน main story (การเลือกเอาโชว์เรื่องแรกที่สำคัญ มาเลือกแสดงในครั้งสุดท้ายเช่นนี้มัน~~@oab#sd%)
แต่ตอนจบของโชว์นี้มีว่า “หลังจากนั้นทั้ง 4 คน ก็แสดงโชว์ด้วยกันตลอดไป” ซึ่งในสถานการณ์ที่เอมุจังเลือกที่จะไม่ไปกับทุกคนเช่นนี้ พวกมิกุก็กังวลว่าถ้าแสดงทั้งๆบทนั้น จะไปซ้ำเติมความเศร้ากับพวกเอมุไปอีก 
เมโกะเน่ซังก็ได้เสนอขึ้นว่าในฐานะที่พวกเราเป็นนักแสดง เรามาสร้างโชว์กันเถอะ! โชว์ที่ทำให้เด็กๆพวกนั้นมีรอยยิ้ม โชว์ที่ช่วยสร้างกำลังใจอะไรแบบนั้น!

และเรื่องที่เหล่า virtual singer เลือกกันก็คือ ‘เรื่องเล่าคณะละครเร่‘ เช่นกัน แต่ตอนจบต้องเป็นแบบที่เรียกว่า Happy end สำหรับพวกเอมุ

ตอนที่ 5 (เอมุจังเวอร์ชันปุ๊กปิ๊ก ไทม์!!)

ที่ห้องเอมุ ขณะที่เอมุกำลังลองซ้อมตามบทจนถึงช่วงตอนจบ “หลังจากนั้นทั้ง 4 คน ก็แสดงโชว์ด้วยกันตลอดไป” อ่านบทไปเอมุจังก็เริ่มเศร้าที่จะต้องจากทุกคน จู่ๆพี่สาวก็เข้ามาในห้องชวนดื่มโกโก้ เอมุจังที่แปรงฟันไปแล้วเลยพูดกับพี่สาวว่า งั้นหนูแปรงอีกรอบก็คงไม่มีปัญหาใช่ไหม!?
แน่นอนว่าพี่สาวเค้าแค่เอาโกโก้มาเป็นข้ออ้าง เพื่อมาคุยกับน้องสาวที่ช่วงนี้ดูซึมๆ เอมุก็ไม่ปิดบัง แล้วเล่าเรื่องที่ตัวเองเลือกที่จะไม่ไปกับคนอื่นๆ พี่สาวก็ถามว่า “…เอมุ คิดดีแล้วใช่ไหม? ที่จะไม่ไปกับทุกคน”
เอมุ “……. อืม ยังไงหนูก็ลืมไม่ได้ ตอนที่ได้ดูโชว์กี่เรื่องต่อกี่เรื่องกับคุณปู่ー”

อดีต 10 กว่าปีก่อน

ที่วันเดอร์สเตจ “ปู่คะ ที่นี้คือที่ไหนหลอ?” เมื่อเอมุถามเช่นนั้นปู่ของน้องจึงตอบว่า “ที่นี่ーไม่ได้เป็นทั้งที่ไหน และเป็นได้ทุกๆที่เลยล่ะ!”←(หมายความว่าถึงน้องเลือกจะไปกับเพื่อนๆ ก็เหมือนกับว่าได้แสดงที่วันเดอร์สเตจใช่ไหม คุณปู่!!)
คุณปู่ “ดูเหมือนว่า วันนี้ที่นี้จะกลายเป็นป่าพิศวงแล้วละนะ เอ้า เอมุ มองไปที่เวทีดูสิ”
ซึ่งหลานกับปู่ก็ได็ดูโชว์ “คุณหมีโปโปะในป่าพิศวง” ด้วยกัน (คุณปู่นี่ก็รีแอคชั่นไม่แพ้รุ่นหลานเลย)
หลังจากดูโชว์จบเอมุจังก็พูดขึ้นว่า “โชว์นี่สนุกสุดๆไปเลยเนอะ คุณปู่!”
แล้วคุณปู่จะพูดประโยคต่อมาที่ ความจริงเป็นประโยคที่เคยโผล่มาตั้งแต่ main story แล้ว
คุณปู่ “เวทีนี้น่ะจะเป็นโลกแบบไหนก็ได้ ในการแสดงแต่ละครั้ง “
“บางครั้งก็เป็นโลกป่าดงดิบ บางครั้งก็เป็นโลกบนก้อนเมฆ บางครั้งก็เป็นโลกที่มนุษย์ดึกดำบรรพ์อาศัยอยู่ หรือบางครั้งก็เป็นโลกที่มนุษย์อวกาศอาศัยอยู่… “

“คือวันเดอร์แลนด์ที่สามารถจะเป็นโลกแบบไหนก็ได้ยังไงล่ะ”

↑ ลองเทียบบทพูดเดียวกันของคุณปู่ กับบทของเอมุที่เคยโผล่มาตอน main story 

นอกจากนี้คุณปู่ยังได้พูดอีกว่า “ถ้าเอมุมีรอยยิ้มดีๆบนใบหน้าแล้ว ปู่อยากจะให้เอมุลองดูไปที่โลกรอบตัวของหลานดู”

“แม้ว่าโลกนั้น คงจะไม่ได้มีแต่สิ่งสวยงามอย่างโลกบนเวทีーแต่ปู่ก็มั่นใจว่า สิ่งที่ได้เห็นจะกลายมาเป็นพลังให้หลานอย่างแน่นอน”←(ปู่หมายถึงให้ไปเผชิญโลกกว้างใช่ไหม!! เอมุเห็นไหมขนาดปู่ยังบอกหนูเลยยย)

หลังจากย้อนความเรียบร้อยเอมุก็พูดขึ้นว่า
“และก็เป็นอย่างที่คุณปู่ว่าไว้ วันเดอร์สเตจได้มอบรอยยิ้มให้หนูมากมาย”
“และการที่เพื่อนๆยิ้มแย้มเมื่ออยู่ที่นั่น มันทำให้หนูมีความสุขจริงๆ…”
“เพราะฉะนั้น หนูจึงอยากจะปกป้องวันเดอร์สเตจที่คุณปู่เหลือไว้เป็นของดูต่างหน้า และสวนสนุกฟีนิกซ์วันเดอร์แลนด์ก็เช่นกัน”←(…เอมุ ปู่หนูไม่ได้บอกให้หนูยึดเอาแต่เวทีวันเดอร์สเตจอย่างเดียวนะหนู หนูจะไม่สนใจความจริงข้อนี้ไม่ด้ายยยยยย)
แล้วน้องก็เริ่มพูดปลอบใจตัวเอง…ถึงจะไม่ได้อยู่กับทุกคนก็ไม่เป็นไร แล้วน้ำตาน้องก็เริ่มไหล จากนั้นเลยบอกพี่สาวว่าขอตัวไปแปรงฟันอีกรอบ พลางทำเหมือนว่าตัวเองโอเคดีอยู่
ฉากตัดมาที่พี่สาว ได้มารายงานสภาพเอมุจังให้กับพี่ชายทั้ง 2 เมื่อรู้อย่างนั้นเหมือนพี่ชายทั้ง 2 คนก็จะ….???……..←(คุณพี่ช่วยเด็กๆด้วย นี่ยังไม่ใช่ Happy end เลย TT )

ตอนที่ 6 เรื่องเล่าคณะละครเร่ Another ver.

รุ่งเช้าเมื่อเอมุจังมาถึงวันเดอร์สเตจเป็นคนแรก ขณะกำลังคิดว่าจะทำยังไงกับตาที่แดงอย่างเห็นได้ชัด ที่ถ้าทุกคนมาเห็นก็จะต้องรู้อย่างแน่นอนว่าน้องผ่านการร้องไห้มา ทันใดนั้นเมโกะเน่ซังก็มาหาแล้วบอกว่าจะให้ WxS ทุกคนมาดูโชว์ที่ virtual singer ทุกคนเตรียมขึ้น
พอเมโกะเน่ซังเห็นหน้าเอมุจัง จึงได้ให้เอมุจังใส่ตุ๊กตามิกุด๋าโย๋ เพื่อไม่ให้คนอื่นเห็นหน้า หลังจากที่พวกสึคาสะมากันครบ เรื่องเล่าคณะละครเร่‘ ก็ได้เวลาเปิดม่าน
โดยนักแสดงครั้งนี้เปลี่ยนบทบาทจากครั้งที่แล้ว
 ‘หัวหน้าคณะ’
‘ตัวตลก’
‘หญิงสาวแห่งท่วงทำนอง’
‘นักเล่นแร่แประธาตุ’
‘ภูต’
คนดำเนินเรื่อง
สึคาสะ → เลน 
เอมุ → มิกุ
เนเนะ → ลูกะ
ไคโตะนี่ซัง(คนดีคนเดิม)
มิกุ(ใส่ตุ๊กตามิกุด๋าโย๋) → รินจัง
มิกุ → เมโกะเน่ซัง
พวกสึคาสะที่ชมการแสดงไปพลางรำลึกความหลังไป และแล้วการแสดงก็ใกล้ถึงฉากจบที่ว่า “หลังจากนั้นทั้ง 4 คน ก็แสดงโชว์ด้วยกันตลอดไป” แต่แล้วเมโกะเน่ซังไม่ได้พูดฉากจบนั้นแต่เล่าเรื่องต่อไปว่า
“ด้วยเหตุนี้ ทั้ง 4 คนก็ได้แสดงโชว์ด้วยกันมาเรื่อยๆ แต่ว่าอยู่มาวันหนึ่ง แต่ละคนก็เจอกับความฝันของตน”
“ไม่ว่าความฝันไหน ก็เป็นความฝันที่สำคัญสำหรับคนคนนั้นเป็นอย่างมาก นั่นทำให้หลังจากนี้ ทั้ง 4 คน ตัดสินใจแยกทางเพื่อเดินตามความฝัน พร้อมกับได้ให้สัญญากันว่า…”
  หัวหน้าคณะ “ถ้าวันใดที่ความฝันทุกคนเป็นจริงแล้ว ตอนนั้นพวกเรามาเจอกันที่นี่นะ แล้วーมาแสดงที่นี่อีกครั้งด้วยกันเถอะ!”
  •  
  •  
  •  
หัวหน้าคณะ “โอ้ーย! กลับมาแล้ว~!”
ตัวตลก “เอ๊ะ!? คนกลุ่มนั้น หรือว่า…! “
หัวหน้าคณะ “หืม? หน้าตาแบบนั้นหมายความว่ายังไง! สตาร์ระดับโลกอุตส่าห์กลับมาตามสัญญาแล้วนะ! ขอความดีใจให้มันมากกว่านี้อีก!”
หญิงสาวแห่งท่วงทำนอง “ความฝันของฉันก็เป็นจริงแล้ว! จะเป็นเพลงก้องโลก ฉันก็ร้องได้แล้วล่ะ!”
นักเล่นแร่แประธาตุ “อะ ฮ่ะฮ่ะ ขอโทษนะ ที่พากันมากะทันหันแบบนี้ เอาล่ะ ที่นี้ก็ได้เวลาแล้วสินะ…”
“…จะสร้างโชว์แบบไหนกันดีล่ะ?”
ตัวตลก “…อะ เฮ้ะเฮ้ะ!”
“โชว์ที่อยากทำกับทุกคน! มีมากมายเต็มไปหมดเลยล่ะ! เพราะงั้น…มาทำด้วยกันเถอะ!”
คนดำเนินเรื่อง “ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้ทั้ง 4 คน จะแยกกันเดินตามความฝัน แต่ก็มีบางครั้งที่ทุกคนจะมารวมตัวกันแสดงโชว์ ณ สวนสนุกที่ตัวตลกได้สร้างขึ้น แล้วคณะละครนี้ก็ร่วมกันแสดงโชว์ด้วยกันตลอดไป”
เอมุ “พวกเราในโชว์ ถึงแม้ต้องบ๊ายบายกันแต่ก็ยังได้แสดงละครด้วยกันอยู่ ถ้าอย่างนั้นไม่แน่ว่า พวกเราเองก็…ไม่สิ สักวันนึง อีกครั้งーอะ เฮ้ะเฮ้ะ เป็นตอนจบที่ วันดาโฮยมากๆเลย”←(นี่ไม่มีหวังให้น้องเปลี่ยนใจแล้วใช่ไหมTT)
“ค่อยยังชั่วที่ใส่ชุดตุ๊กตาไว้ ไม่ยังงั้น ฉันคงー”
เนเนะ “เอมุ…?”
เหมือนเนเนะจะเห็นท่าทางเอมุแปลกไป พอทักไปเอมุก็พูดว่าเป็นโชว์ที่วิเศษมาก พวกเราเองก็ทำโชว์ให้เยี่ยมเท่าโชว์นี้กันเถอะ!

ตอนที่ 7 ทุกคนเตรียมผ้าเช็ดหน้าสัก 10 ผืนนะ

เมื่อ WxS ซ้อมการแสดงเสร็จเตรียมแยกย้ายกลับบ้าน เอมุบอกทุกคนว่าเดี๋ยวพวกพี่ๆจะมาคุยกับเธอที่วันเดอร์สเตจ ให้ทุกคนกลับก่อนได้เลย
หลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้ว…
ในระหว่างนั้นคนอื่นที่กำลังกลับบ้าน เนเนะก็นึกได้ว่าตัวเองลืมสมาร์ทโฟนที่ห้องเปลี่ยนเสื้อ เพราะว่าฟ้าเริ่มจะมืด แล้วก็เดินมายังไม่ได้ไกลมากทั้ง 3 คนเลยเดินกลับไปที่วันเดอร์สเตจอีกครั้ง
แล้วทั้ง 3 คนก็ได้เห็นเข้า
หลังจากเสียน้ำตาไปสัก 10 ลิตรกับฉากนี้ พวกพี่ชายของเอมุก็มาหา แล้วได้คุยกับทั้ง 4 คนว่า “ตอนแรกพวกเราก็คิดว่าจะให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเอมุ แต่เมื่อเอมุตัดสินใจว่าจะไม่ไปกับพวกเธอแล้ว พวกเราก็ได้คุยกันว่าเป็นแบบนี้จะดีจริงๆหรือ คำตอบก็คือไม่ควรให้มันจบแบบนี้”
พี่เคสึเกะ “ーไปเถอะ”
“ตอนนี้เธอยังอยู่ม. ปลาย ใช้เวลานี้ออกไปเรียนรู้โลกภายนอกเถอะนะ”
พี่โชสึเกะ “เอมุ ก่อนที่พวกเราจะได้มาเป็นผู้บริหาร พวกเราก็ไปศึกษาอะไรต่อมิอะไรตั้งมากมาย ถึงแม้ทั้งหมดมันอาจจะไม่ได้ช่วยในเรื่องการบริหาร แต่ส่วนหนึ่งของการเรียนรู้นั่นก็ช่วยหล่อหลอมพวกเราในฐานะผู้บริหารอย่างทุกวันนี้”
แล้วพี่โชสึเกะก็ปิดท้ายว่า “แล้วเธอคิดว่าใครแนะนำพวกเราให้ทำอย่างนั้น?ーปู่ไงล่ะ “
“ถ้าเอมุมีรอยยิ้มดีๆบนใบหน้าแล้ว ปู่อยากจะให้เอมุลองดูไปที่โลกรอบตัวของหลานดู”
“แม้ว่าโลกนั้น คงจะไม่ได้มีแต่สิ่งสวยงามอย่างโลกบนเวทีーแต่ปู่ก็มั่นใจว่า สิ่งที่ได้เห็นจะกลายมาเป็นพลังให้หลานอย่างแน่นอน”
หลังเอมุถูกดันหลังให้ไปเรียนรู้โลกภายนอกขนาดนี้ (ขุ่นพี่่!!!) ก็ถึงฉากสุดท้ายของตอน
พอเอมุตอบตกลงแล้วก็อมยิ้มยาวๆเลย

ตอนที่ 8 เวลาผ่านไป 2 เดือน

WxS ก็แสดง ‘เรื่องเล่าคณะละครเร่’ ใน ‘วันรำลึกการเปิดสวนสนุกฟีนิกซ์วันเดอร์แลนด์’ ตามกำหนดและเหมือนว่าการแสดงของพวกเขาในคราวนี้ฉากจบได้เปลี่ยนไปเป็นแฮปปี้เอนด์ที่ว่า

“และในท้ายที่สุด…ทั้ง 4 คนไล่ตามความฝัน และทำโชว์ด้วยกันตลอดไป!”

โชว์ดูเหมือนว่าจะประสบความสำเร็จอย่างมาก คนดูทุกคนก็ดูสนุก มีรอยยิ้มกัน เอมุที่เห็นดังนั้นก็ได้ตั้งปณิธานกับตัวเอง
“…ฉันอยากทำให้ที่นี่มีรอยยิ้มให้มากยิ่งขึ้นไปอีก”
“ーหลังจากออกไปเรียนรู้ข้างนอกพร้อมกับทุกคน แล้วทำให้ผู้คนที่มาเยือนที่นี่ยิ้มแย้มได้แล้วละก็ー “
“สักวันหนึ่ง…ฉันก็อยากไปมอบรอยยิ้มให้คนบนโลกในนี้ทุกคนเลย!”
  • หมดแรงกับวิดีโอ…แต่ได้ลองทำดูก็สนุกดี ถ้าทำวิดีโอได้ ต่อไปอาจจะได้แปลเพลงลงยูทูปกับเขามั่ง
  • ชาว Project Sekai ทุกคนพร้อมใจพูดถึงอีเวนต์นี้คำเดียวว่า “บ่อน้ำตาแตก” กันจริงๆ

ขอบคุณที่อ่านจนถึงตรงนี้ เจอกันใหม่ Blog ต่อไป
Yumi-chan

[ภาษาดอกไม้ของโคลเวอร์ (ต้นโคลเวอร์ขาว) ]มีความหมายที่น่ากลัวด้วย? ความหมายเปลี่ยนตามจำนวนใบ?​

ปกติเราจะเห็นโคลเวอร์ (ต้นโคลเวอร์ขาว) 3 ใบซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าเราเผอิญโชคดีเกิดไปเจอโคลเวอร์ที่มี 4 ใบ หรือ 5 ใบเข้า วันนั้นเราคงรู้สึกมีความสุขกันใช่ไหม ครั้งนี้เราจะมาแนะนำภาษาดอกไม้ของโคลเวอร์ที่ว่านี้กัน

ภาษาดอกไม้ของโคลเวอร์ (ต้นโคลเวอร์ขาว)

ภาษาดอกไม้ของโคลเวอร์ (ต้นโคลเวอร์ขาว) คือ “สัญญา” “โชค” “โปรดคิดถึงฉัน” “เป็นของของฉันเถอะ” 
ภาษาดอกไม้ “โชค” ของโคลเวอร์มาจากความเชื่อที่ว่า หากได้เจอโคลเวอร์ 4 ใบแล้วคนคนนั้นจะมีความสุข
ส่วน “สัญญา” “โปรดคิดถึงฉัน” “เป็นของของฉันเถอะ” เป็นความหมายที่มาจากศาสนาคริสต์

นอกจากนี้หากเป็น เรด โคลเวอร์ หมายถึง”รักอันเปี่ยมล้น” “ขยันหมั่นเพียร”

ภาษาดอกไม้ของโคลเวอร์ (ต้นโคลเวอร์ขาว) มีความหมายที่น่ากลัวด้วย?

โคลเวอร์ (ต้นโคลเวอร์ขาว) ยังมีภาษาดอกไม้ที่น่ากลัวอย่าง “การแก้แค้น” อีกด้วย
เป็นความหมายที่เชื่อมโยงจากภาษาดอกไม้อื่นๆ เช่น “สัญญา” หรือ “โปรดคิดถึงฉัน” เป็นต้น ที่เมื่อไม่สำเร็จสมหวังตามภาษาดอกไม้เหล่านั้น สิ่งที่ตามมาคือ “การแก้แค้น” นั่นเอง 
และยังมีทฤษฎีที่มาของความหมาย“การแก้แค้น” ที่มาจากศาสนาคริสต์ ด้วยเพราะโคลเวอร์ 4 ใบ มีรูปร่างคล้ายไม้กางเขนทำให้สามารถคิดเชื่อมโยงไปถึงการตรึงกางเขน อันเป็นวิธีประหารชีวิตที่โหดร้ายของชาวโรมันในสมัยก่อน
หากดูเพียงความหมายก็ออกจะน่ากลัวไปบ้าง แต่อย่างไรก็ดีปัจจุบันโคลเวอร์เป็นพืชที่ได้รับความนิยมมาทำเป็นช่อดอกไม้หรือนำมาเป็นของขวัญมอบให้ผู้อื่น  

เพื่อความสบายใจของทั้งผู้ให้และผู้รับ เวลามอบโคลเวอร์ให้เป็นของขวัญ เพียงเราเขียนคำขอบคุณ หรือความรู้สึกดีๆของเราสักคำ 2 คำในการ์ดเมสเสจแนบไปด้วย เพียงเท่านี้ผู้รับจะได้รับอย่างสบายใจ

ความหมายที่เปลื่ยนไปตามจำนวนใบโคลเวอร์ (ต้นโคลเวอร์ขาว)

ภาษาดอกไม้ของโคลเวอร์ (ต้นโคลเวอร์ขาว) จะเปลี่ยนไปตามจำนวนใบ เดี๋ยวเราไปดูภาษาดอกไม้ของโคลเวอร์ 1-5 ใบ กัน

โคลเวอร์ (ต้นโคลเวอร์ขาว) เป็นต้นไม้แบบไหน?

โคลเวอร์ (ต้นโคลเวอร์ขาว) เป็นพืชยืนต้นวงศ์ถั่ว อยู่ในสกุล Trifolium เมื่อโตเต็มที่มีความสูง 15 – 30 ซม. มักพบเห็นได้ทั่วไปตามริมข้างทางหรือคันนา 
เป็นดอกไม้ประจำชาติประเทศไอร์แลนด์ที่ประชาชนส่วนใหญ่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า white clover เป็นคำที่มีต้นกำเนิดมาจากการนำโคลเวอร์ที่แห้งๆมาเป็นเครื่องกันกระแทกกล่องที่ทำจากแก้วของเนเธอร์แลนด์นั่นเอง  
โคลเวอร์ (ต้นโคลเวอร์ขาว) จะบานช่วง เดือนเมษายน – เดือนธันวาคม  หรือก็คือเราสามารถชื่นชมเจ้าดอกพวงพู่สีขาวนี้ได้ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิไปจนฤดูหนาวกันเลย และเป็นพืชที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในประเทศญี่ปุ่น คงมีหลายท่านที่เคยเก็บต้นโคลเวอร์ขาวมาทำเป็นมงกุฎดอกไม้กันใช่ไหมล่ะ

โคลเวอร์ (ต้นโคลเวอร์ขาว) เหมาะกับการให้เป็นของขวัญเฉลิมฉลอง

แสดงความยินดีงานแต่ง
โคลเวอร์ (ต้นโคลเวอร์ขาว) เหมาะกับการอวยพรในงานแต่งงาน ถ้าเป็นโคลเวอร์ 1 ใบ หมายถึง การเริ่มต้นใหม่
ส่วนโคลเวอร์ 3 ใบ หมายถึง 1.ความรัก 2.ความหวัง 3.ความเชื่อใจ และหากเป็นโคลเวอร์ 4 ใบ ก็มีภาษาดอกไม้ว่า โชค ความหมายเหล่านี้ เป็นภาษาดอกไม้ซึ่งเกี่ยวกับความรัก และความสุข จึงเหมาะมากที่จะนำมาทำเป็นช่อดอกไม้มอบอวยพรให้คู่บ่าวสาว

อวยพรการคลอดบุตร

และพืชชนิดนี้ยังเหมาะแก่การอวยพรการคลอดบุตรอีกด้วย โดยเฉพาะโคลเวอร์ 4 ใบที่มีภาษาดอกไม้ว่า โชค ที่เมื่อได้รับมาผู้รับคงรู้สึกยินดีกับความหมายจากช่อดอกไม้อย่างแน่นอน

อนึ่ง การมอบช่อดอกไม้ให้เป็นของขวัญการอวยพร ควรระมัดระวังในเรื่องราคาไว้หน่อยก็จะดี เพราะถ้าเป็นช่อดอกไม้ที่มีราคาถูกเกินไปจะถูกมองว่าเป็นเรื่องเสียมารยาท ช่วงราคาที่แนะนำอยู่ที่ประมาณ 5,000 – 10,000 เยน(1,200 – 2,400 บาท)

ส่งมอบความหมายดีๆของโคลเวอร์ (ต้นโคลเวอร์ขาว) ให้คนที่คุณรักกันเถอะ♪

โคลเวอร์ (ต้นโคลเวอร์ขาว) มีภาษาดอกไม้ที่เกี่ยวกับความรัก และ ความสุขหลายคำด้วยกัน ทำให้เป็นที่นิยมในการนำมามอบให้เป็นของขวัญ และหากท่านกำลังมองหาดอกไม้ ต้นไม้ เพื่อนำไปอวยพรงานมงคลต่างๆแล้วละก็ โคลเวอร์ถือเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว


ช่วงโฆษณา : GreenSnapSTORE ของเรามีดอกไม้ และพืชต่างๆพร้อมจัดส่งตามฤดูกาล ทั้งจัดทำเป็นของขวัญ หรือท่านใดที่สนใจในการนำต้นไม้ตกแต่งภายในบ้านเพื่อเพิ่มความสดชื่น สามารถลองชมเว็บไซต์ของเราเพิ่มเติมได้เลย 

  • บล็อกเพลง ももいろの鍵 (momoiro no kagi) มีพูดถึงโคลเวอร์ก็เลยลองนำบทความเกี่ยวกับโคลเวอร์ที่เขียนไว้ในเว็บไซต์ของคนญี่ปุ่นที่เหมือนจะขายต้นไม้ ดอกไม้มาแปลดู (ใครอยู่ที่ญี่ปุ่นแล้วอยากสนับสนุนร้านเขา ก็เชิญได้เลย55 → https://greensnap.co.jp/)
  • ซึ่งเนื้อหาที่นำมาแปลนี้ถูกเขียนโดยชาวญี่ปุ่น ในบริบทประเทศญี่ปุ่น ก็ไม่รู้ว่าภาษาดอกไม้ของโคลเวอร์ในญี่ปุ่น จะนำมาใช้ได้ในไทยหรือเปล่า Yumi-chan ก็ไม่มั่นใจ (ถ้าใครได้มาอ่าน จะเอาไปอ้างอิงอะไรยังไงก็หาข้อมูลโคลเวอร์ในไทยเพิ่มเติมด้วยก็จะดี)
  • อ่านบทความนี้แล้วลองเอาภาษาดอกไม้ไปเทียบกับเพลง อาจจะทำความเข้าใจเพลงได้เพิ่มขึ้น

ขอบคุณที่อ่านจนถึงตรงนี้ เจอกันใหม่ Blog ต่อไป
Yumi-chan

ももいろの鍵 (The Peachy Key) – แปลไทยโดย Yumi-chan

 

 

 

MORE MORE JUMP!  x Megurine Luka (3DMV ver.)

 

 

泣いてるの?怒ってるの?
naiteru no? okotteru no?
ร้องไห้เหรอ? โกรธอยู่เหรอ?

幼い声が問う
osanai koe ga tou
ตัวฉันในวันวานถามขึ้น

心配いらないよ 笑えてるよ
shinpai iranai yo waraeteru yo
ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันยังยิ้มได้อยู่

返事は宙に浮くだけ
henji wa chuu ni uku dake
คำตอบทำได้เพียงเลื่อนลอยในอากาศ

 

あの日描いたもの 夢の色
ano hi egaita mono yume no iro
สีสันของความฝันที่ได้วาดไว้เมื่อตอนนั้น

しだいに濃くなる
shidai ni koku naru
ยิ่งเวลาผ่านไปมันยิ่งชัดเจน

1人じゃないことも分かってるよ
hitori janai koto mo wakatteru yo
และเมื่อมองไป รอบข้าง ฉันก็รู้นะว่า

横を見ている
yoko o mite iru

ฉันไม่ได้ตัวคนเดียว

 

ふと振り返る 遠くなっていく
futo furikaeru tooku natte iku
พอลองหันหลังกลับมาดู เส้นทางที่ได้เลือกเดิน

分かれ道はまるでジオラマに
wakaremichi wa marude jiorama ni
ที่ไกลออกไปเรื่อยๆนั้นเหมือนกับโมเดล

馴染んだ思い出のよう
najinda omoide no you
ฉากในห้วงคำนึงที่ฉันคุ้นชิน

 

いざなったクローバー この場所を選んで

izanatta kuroobaa kono basho o erande
โคลเวอร์ได้เชื้อเชิญฉันมา เลือกที่ที่ตรงนี้

輝くステージに立っている
kagayaku suteeji ni tatte iru
ยืนบนเวทีแสดงอันเจิดจรัส

共に行くあなたの手 掴んだその手が
tomo ni iku anata no te tsukanda sono te ga
มือของเธอที่ฉันจับไว้ มือของเธอที่เดินร่วมทางกันมา

痛くないようにと願っているから
itakunai you ni to negatte iru kara
ฉันขอให้ไม่มีความเจ็บปวดใดมากล้ำกราย

 

かじかんで かじかんで
kajikande kajikande
มันชาไปหมด จนขยับไม่ได้

その度に暖めて
sono tabi ni atatamete
เวลาแบบนั้นอยากฉันได้ไออุ่นจากเธอ

煌めくライトも落ちる影も
kirameku raito mo ochiru kage mo
แสงไฟเวทีระยิบระยับ เงาที่ทอดผ่านพื้น

全て愛していたいから
subete aishite itai kara
อยากจะรักมันทุกทุกอย่าง เพราะงั้น

泣かないで 泣かないで
nakanaide nakanaide
ไม่ต้องร้องนะ ไม่ต้องร้อง

そのために側にいる
sono tame ni soba ni iru
ฉันจะอยู่ข้างๆเธอ ไม่ให้เธอหลั่งน้ำตา

震える指にこの手を添えて
furueru yubi ni kono te o soete
ฉันจะกุมมือที่สั่นระริกนี้ไว้

今 鍵を開けるまで
ima kagi o akeru made
จนกว่า เธอจะไขกุญแจเปิดประตูออกไป

 

やがて背負うもの 託す音
yagate seou mono takusu oto
ในตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องแบกรับ เสียงความคาดหวัง

輪郭は濃くなる
rinkaku wa koku naru
สิ่งเหล่านั้นชัดเจนมากขึ้น

1人じゃないことも分かってるよ
hitori janai koto mo wakatteru yo
และเมื่อมองไป ข้างหน้า ฉันก็รู้นะว่า

前を見ている
mae o mite iru
ฉันไม่ได้ตัวคนเดียว

 

ふと振り返る 見えなくなっていく
futo furikaeru mienaku natte iku
พอลองหันหลังกลับมาดู

分かれ道はまるで
wakaremichi wa marude
เส้นทางที่ได้เลือกเดินมันเริ่มเลือนราง

写真立てにしまった記憶のよう
shashin tate ni shimatta kioku no you
เหมือนความทรงจำที่เก็บเอาไว้ในกรอบรูป

 

いざなったクローバー その葉を手に取って
izanatta kuroobaa sono ha o te ni totte
โคลเวอร์ได้เชื้อเชิญฉันมา ฉันจึงรับใบของมันไว้

新たなステージを待っている
arata na suteeji o matte iru
ฉันตั้งตารอที่จะได้ขึ้นบนเวทีแห่งใหม่

共に行くあなたの目 見つめたその目の
tomo ni iku anata no me mitsumeta sono me no
ดวงตาของเธอที่ฉันมองเข้าไป ดวงตาของเธอที่เดินร่วมทางกันมา

星が褪せぬように 願っているから
hoshi ga asenu you ni negatte iru kara
ฉันหวังว่าดวงดาวภายในนั้นจะไม่ดับแสงไป

 

眩しくて 眩しくて
mabushikute mabushikute

แสงที่ส่องมา มันช่างสว่างจ้า

その先に手を伸ばして
sono saki ni te o nobashite
แต่ฉันยังคงเอื้อมมือออกไปข้างหน้า

触れたものも 受けた傷も
fureta mono mo uketa kizu mo
สิ่งที่ฉันได้รับรู้ บาดแผลที่ฉันได้รับ

全て憶えていたいから
subete oboete itai kara
อยากจะจดจำมันทุกทุกอย่าง เพราะงั้น

負けないで 負けないで
makenaide makenaide
อย่ายอมแพ้นะ อย่ายอมแพ้

そのために側にいる
sono tame ni soba ni iru
ฉันจะอยู่ข้างๆเธอ ไม่ให้เธอถอดใจ

隔たりの奥 見えない世界まで
hedatari no oku mienai sekai made
จนกว่าจะไปถึงฝั่งฝันที่ปรารถนา

届いて欲しい夢
todoite hoshii yume
ในโลกอนาคตอันห่างไกลที่ยังมาไม่ถึง

 

泣いてるの?怒ってるの?
naiteru no? okotteru no?
ร้องไห้เหรอ? โกรธอยู่เหรอ?

幼い声が問う
osanai koe ga tou
ตัวฉันในวันวานถามขึ้น

心配いらないよ 笑えてるよ
shinpai iranai yo waraeteru yo
ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันยังยิ้มได้อยู่

返事を歌にして 届けていく
henji o uta ni shite todokete iku
เปลื่ยนคำตอบเป็นบทเพลง แล้วส่งไปถึงเธอ

 

今微笑んで 微笑んで
ima hohoende hohoende
ตอนนี้ ระบายรอยยิ้ม ยิ้มออกมา

優しさをその頬へ
yasashisa o sono hoho e
ให้พวงแก้มแต่งแต้มด้วยความอ่อนโยน

煌めくライトも 落ちる影も
kirameku raito mo ochiru kage mo
แสงไฟเวทีระยิบระยับ เงาที่ทอดผ่านพื้น

全て持っていくから
subete motte iku kara
ฉันจะจดจำไว้ทุกเรื่องราว เพราะงั้น

乗り越えて その先へ
norikoete sono saki e
ก้าวข้ามไป สู่หนทางข้างหน้า

ただ前へ歩いていく
tada mae e aruite iku
แล้วก้าวตรงไปแบบนั้น

震える指にこの手を添えて
furueru yubi ni kono te o soete
ฉันจะกุมมือที่สั่นระริกนี้ไว้

今 鍵を開ける
ima kagi o akeru
เวลานี้ ไขกุญแจเปิดประตู

 

錆び付いていても
sabitsuite ite mo
ถึงแม้จะขึ้นสนิม

消えない色で 今
kienai iro de ima
แต่ด้วยสีสันที่ยังไม่จางไป ตอนนี้

ドアを開ける
doa o akeru
เปิดประตู

 

 

ถ้าให้ Yumi-chan ลองแปลชื่อเพลงเพลงนี้

Yumi-chan คงจะแปลว่า “กุญแจร้อยเฉด” (Yumi-chan รู้ตัวเองดีว่า เซนส์การตั้งชื่ออะไรแบบนี้ไม่ค่อยจะมี… )

 

ที่มาของรูปภาพ

แต่นอกจากความหมายชมพูๆแล้ว จากคอมเมนต์คนญี่ปุ่นเหมือนว่า ももいろ ไปพ้องกับ   百色( 百=หนึ่งร้อย, 色=สี)=การที่จะเป็นสีอะไรก็ได้ (การที่ตัวเองจะสามารถเป็นอะไรก็ได้)

Yumi-chan พอรู้ก็อึ้ง ว้าว✨

เซนส์ตั้งชื่อ iyowa-san เจ๋งโคตร (ถึงแม้ที่มาของชื่อ iyowa จะเป็นแค่เพราะผู้แต่ง “ท้องไส้ไม่ค่อยจะดี” (胃(i)=กระเพาะ+弱(yowa)=อ่อนแอ) แค่นั้นเอง55  )


แปลไปแปลมา ตรงนี้ใช้ “ฉัน” ตรงนี้ใช้ “เธอ” Yumi-chan เลยสงสัยว่าฉันๆเธอๆ ในแต่ละที่ “ฉันคือใคร?” “เธอคือใคร?” เพื่อคลายข้อสงสัย Yumi-chan เลยไปงม MV มาแล้วลองไล่ไทม์ไลน์ดู (ความมโนส่วนบุคคลล้วนๆ)

 

1. ท่อนแรกตรงนี้มีตัวเองตอนเด็ก ถามตัวเอง “ตอนปัจจุบัน”ที่ใส่ชุดเดรส(ไอดอล) ตรงนี้ไม่ต้องพลิกแพลงอะไร ความหมายตามเนื้อเพลง

 

 

 

2. “สีสันของความฝันที่ได้วาดไว้เมื่อตอนนั้น” ตั้งแต่ท่อนนี้ Yumi-chan คิดว่าเป็นการย้อนความเป็นมาของตัวเอง“ตอนเด็ก” (ชุดนร.)

(ฉัน)

โดยมี
“ฉันขอให้ไม่มีความเจ็บปวดใดมากล้ำกราย”
“ไม่ต้องร้องนะ ไม่ต้องร้อง” ท่อนที่มาโต้ตอบ ปลอบโยน ภาวนาฉัน ตรงนี้คือ “ปัจจุบัน” ที่เป็นไอดอล

(เธอ)

ฉันจะอยู่ข้างๆเธอ จนกว่า เธอจะไขกุญแจเปิดประตูออกไป”

 

 

3.“ในตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องแบกรับ เสียงความคาดหวัง” ตั้งแต่ท่อนนี้ Yumi-chan คิดว่าเป็นตอน ย้อนความถึงตัวเองในอดีตที่เป็นไอดอล (ฉัน)

 

 

4.“ฉันหวังว่าดวงดาวภายในนั้นจะไม่ดับแสงไป”

อย่ายอมแพ้นะ อย่ายอมแพ้ ‘เธอ’ที่มาตอบโต้ตรงนี้ Yumi-chan คิดว่าเป็นตัวเองที่เป็นผู้ใหญ่ในอนาคต (เธอ)

 

 

ฉันจะอยู่ข้างๆเธอจนกว่าจะไปถึงฝั่งฝันที่ปรารถนา ในอนาคตอันห่างไกลที่ยังมาไม่ถึง”

***คนที่วาดด้วยเส้นสีชมพูด้านหลัง มีหลายคน ตัวตนไม่แน่นอน(ปิดหน้าด้วยช่อดอกไม้) =ตัวเองที่เป็นผู้ใหญ่ในอนาคต อนาคตที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ (ครู พยาบาล นักวาด ฯลฯ)

 

 

 5. กลับมาที่เนื้อเหมือนท่อนแรก ความหมายตามเนื้อเพลง

 

 

และท่อนสุดท้ายตัวเองที่เป็นผู้ใหญ่ในปัจจุบัน(ที่คนดูก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ที่แน่ๆไม่ใช่ไอดอลแล้ว) ไม่มี ‘เธอ’ แล้ว

“ฉันจะกุมมือที่สั่นระริกนี้ไว้ ไขกุญแจเปิดประตูก้าวข้ามอดีต ไปสู่หนทางข้างหน้า”

 

ป.ล.
・Yumi-chan อ้างอิงไทม์ไลน์ (จากการมโน) นี้ในการแปล

・การที่ตัวเองพูดคุยกับตัวเองในจิตใจอะไรอย่างงี้ มันให้อารมณ์ดูอ่อนไหว เปราะบางดี

 

 

ขอบคุณที่อ่านจนถึงตรงนี้ เจอกันใหม่ Blog ต่อไป
Yumi-chan

 

 

 

 

[แปลบทความ]“TONDEMO-WONDERZ” เมสเซจเปี่ยมล้นพลังบวก ที่ถูกซ่อนไว้ภายในการเล่นคำ

 

คอลัมน์เนื้อเพลง トンデモワン ダーズ  (TONDEMO-WONDERZ)

แปลไทยโดย Yumi-chan

 

“TONDEMO-WONDERZ” เมสเซจเปี่ยมล้นพลังบวก ที่ถูกซ่อนไว้ภายในการเล่นคำ

ผู้เขียนคอลัมน์ Kawer

 

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ. 2021 เพลง トンデモワンダーズ (TONDEMO-WONDERZ) ได้ถูกเพิ่มลงไปในเกมมือถือแนว Rhythm “Project Sekai: Colorful Stage feat. Hatsune Miku” (หลังจากนี้ย่อเป็น Project Sekai) ซึ่งเป็นเกมที่เกิดจากความร่วมมือกันของ SEGA และ Colorful Palette

หน้าจอตอนเข้าเกม Project sekai

ครั้งนี้เราจะมาทำความเข้าใจเมสเซจที่ถูกซ่อนอยู่ภายใน “การเล่นคำอันแยบยล” ในเนื้อเพลงนี้กัน

 

โลกไม่ธรรมดาที่ Sasakure.UK รังสรรค์

เนื้อเรื่องเกม Project Sekai เกิดขึ้นที่ “ชิบูย่า” ยุคปัจจุบัน กับ

“โลก” เสมือนจริงที่เกิดจากการรวมตัวของความปรารถนาของผู้คน

ในเกมผู้เล่นจะได้พบกับตัวแทน VOCALOID ทั้ง 6 คน ที่จะมาสร้างสีสัน นำโดย ฮัตสึเนะ มิกุ และ VOCALOID คนอื่นได้แก่ คากามิเนะ ริน, คากามิเนะ เลน, เมกุริเนะ ลูกะ, MEIKO, KAITO

VOCALOID ทั้ง 6 คน

ความดีงามของเกมนี้คือ ในเกมมีเพลง Vocaloid ดังๆ มาให้ได้สนุกกับการกดตามจังหวะกัน

ยกตัวอย่างเช่น

เพลง “Senbonzakura”(Kurousa), เพลง “KING”(Kanaria), เพลง “Yoru ni kakeru”(Ayase), เพลง “Deamaturgy”(Eve) และเพลงดังอื่นๆ อีกมากมาย

ซึ่งเพลงที่จะนำมาแนะนำกันในครั้งนี้คือเพลง “TONDEMO-WONDERZ” ที่เพิ่มเข้ามาในเกมเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน โดยเป็นเพลงที่แต่งขึ้นโดย sasakure.UK

หน้าเพจ Youtube ของ sasakure.UK

ราวๆ ปี ค.ศ. 2007 sasakure.UK ได้เริ่มอัพโหลดเพลง Vocaloid ลงบนอินเทอร์เน็ต หลังจากนั้นเขาก็แต่งเพลงฮิตติดใจผู้คนออกมาเรื่อยๆ และปัจจุบันเขายังแต่งเพลงให้ศิลปินท่านอื่นร้องอีกด้วย

สมัย sasakure.UK ยังเป็นนักเรียน เขาได้รับอิทธิพลจากนักแต่งเพลง และคนเขียนเนื้อเพลงหลายๆท่านด้วยกัน ผ่านงานวรรณกรรมญี่ปุ่น และกิจกรรมการร้องประสานเสียง

ประสบการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้งานเพลงของ sasakure.UK พัฒนากลายเป็นเอกลักษณ์ในแบบของตัวเขาเอง

“TONDEMO-WONDERZ” นั้นก็มีเนื้อเพลงที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก ถ้าอย่างนั้นเราไปดูเนื้อเพลงที่ว่ากันเลย


エビバディ→解体! 思い出に消しゴム!? あれっ。
ebibadi→kaitai! omoide ni keshigomu!? aree.

ทุกคน → กระจัดกระจาย!  เอายางลบใส่ในความทรงจำ!? เอ๊ะ

ハイになる? 廃になる? はい, とは言えな~い!!!
 hai ni naru? hai ni naru? hai, to wa iena~i!!!

กลายเป็นเถ้าถ่าน? ใช้การไม่ได้? ฉันพูด “ยอมรับ” ออกมาไม่ได้หรอก~!!!

(ส่วนหนึ่งของเนื้อเพลง TONDEMO-WONDERZ)


TONDEMO-WONDERZ เป็นเพลงป๊อปที่ให้ความรู้สึกสนุก ครึกครื้น ใช้จังหวะเร็วสมกับเป็นเพลง Vocaloid มีเนื้อเพลงที่ใช้คำศัพท์พ้องเสียงกัน และใช้การขับร้องประสาน มาเติมความรู้สึกดีๆให้ผู้คน

แต่เพลงที่มีจังหวะสนุกสนานนี้อีกด้านหนึ่ง ก็มีเนื้อเพลงเต็มไปด้วยข้อความที่ต้องการสื่อสารถึงผู้ฟังด้วยเช่นกัน


ตัวเอกรู้สึกฝังใจกับความผิดพลาดเมื่อสมัยก่อน จึงพยายามจะลบความทรงจำที่ไม่ดีทิ้ง

แล้วผลที่ตามมาจะเป็นผลดี หรือผลร้ายกันแน่นะ

ถึงแม้จะเป็นอดีตที่เลวร้าย แต่ตัวเอกก็ยังคงชั่งใจว่าจะลบอดีตแย่ๆนั้นให้หายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นจริงๆดีไหม


ソンな時代でいいよ 僕らまだ “ワンダー” 信じてる、
sonna jidai de ii yo bokura mada “wandaa” shinjiteru,

ยุคสมัยแบบนี้ก็ไม่เห็นเป็นไร พวกเรายังคงเชื่อใน “ความอัศจรรย์” อยู่

の ノ No? know!
no no No? know!

โน โน No? know!        

おとなたちの鋭利(営利)な目盛(×メモリー) 
otonatachi no eiri na memorii 

หน่วยวัดของพวกผู้ใหญ่ที่พร้อมทิ่มแทง 

悩まされすぎちゃって 寄り目になっちゃいそーね!!
nayamasare sugichatte yorime ni nacchaisoo ne!!

ทำให้กังวลไปหมด จนดวงตาแทบจะเหล่แล้วเนี่ยー!!

(ส่วนหนึ่งของเนื้อเพลง TONDEMO-WONDERZ)


「ソンな時代」(sonna jidai) ที่เขียนด้วยคาตาคานะตรงนี้คงไปพ้องเสียงกับ

そんな=แบบนี้ และ 損な= ทำลาย, ทำให้บาดเจ็บ, (อารมณ์)หดหู่, (สุขภาพ)แย่ลง


ถึงแม้ตัวเอกอยากจะมีชีวิตอยู่ด้วยหวังว่าจะได้ประสบกับ “ความตื่นเต้น” ที่ยังไม่เคยพานพบ แต่กระนั้นสังคมก็มีสิ่งที่เรียกว่ากฎเกณฑ์ มาตรฐานของผู้ใหญ่ มาประเมินพวกเขาแทบทุกอย่าง

ตัวเอกก็เลยกลุ้มใจว่า เพื่อการดำเนินชีวิตให้ง่าย ไม่ลำบาก เราจะต้องทำตัวตามแบบที่สังคมวางไว้ด้วยหรือไม่

 

โอบกอดทั้งความผิดพลาดในอดีต และความสำเร็จนั้นไว้

成功失敗も「全部」だいすき! でいいじゃん!!
seikou shippai mo “zenbu” daisuki! de ii jyan!!

จะสำเร็จจะผิดพลาด ชอบ”ทั้งหมด”ไปเลยสิ!!

みんなみんなウチューしよ? の魂胆で
minna minna uchuu shiyo? no kontan de

ด้วยแผน มามะทุกคน จูーจุ๊บกันเถอะ?

だってだって君ももっと笑えたじゃん!?
datte datte kimi mo motto waraeta jyan!?

ดูสิ ดูสิ ตอนนี้เธอก็ยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วนะ!?

スットンキョウでサイキョウな僕らは
suttonkyou de saikyou na bokura wa 

พวกเราที่ทั้งสุดยอดและไม่เหมือนใคร

(ส่วนหนึ่งของเนื้อเพลง TONDEMO-WONDERZ)


ตรงท่อนฮุกมีเนื้อที่ว่า ไม่เพียงเฉพาะยอมรับสิ่งที่ดีๆเท่านั้น ยอมรับในด้านที่แย่ๆด้วย

เพราะว่า เมื่อยอมรับทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว “ตัวเธอ” จะสามารถยิ้มออกมาจากใจจริงได้มากกว่า ตอนยึดติดเพียงความเพอร์เฟกต์เสียอีก


まだまだ消さないで!? 未来はここからじゃん!!
madamada kesanaide!?  mirai wa koko kara jyan!!

อย่า อย่าพึ่งลบทิ้งเลยนะ!? อนาคตน่ะมันพึ่งจะเริ่มต่างหาก!!

みんなみんな一緒しよ! のポーズで
minna minna issho shiyo! no poozu de 

โพสท่าว่าพวกเราทุกคนจะอยู่ด้วยกัน!

ちょっとやそっとじゃ崩れない笑顔どうじゃん!
chotto ya sotto ja kuzurenai egao dou jyan!

รอยยิ้มที่ไม่จางไปง่ายๆล่ะว่าไง!

100回トンだらトンデモお菓子いセカイ
hyakkai tondara tondemo okashii sekai

กระโจนมันเข้าไป 100 ครั้ง โลกพิศวงแปลกประหลาดใบนี้

ワンワンでツーカーでスリーフォーエビバディ ショウタイム!
wanwan de tsuukaa de suriifoo ebibadi shoutaimu!

วัน one 2 ซี้ three four Everybody showtime!

(ส่วนหนึ่งของเนื้อเพลง TONDEMO-WONDERZ)


เมสเซจที่ใส่เข้าไปในท่อนนี้คือ “อย่าลบความทรงจำนั้นไปง่ายๆ เพราะว่าความทรงจำนั้นจะเชื่อมไปยังอนาคต”

ผมคิดว่าท่อนนี้คงเป็นเมสเซจสำคัญที่สุดของเพลงที่ sasakure.UK ต้องการจะสื่อ

และท่อน 「100回トンだらトンデモお菓子いセカイ」(hyakkai tondara tondemo okashii sekai) คงจะสื่อได้ถึง “ความหวัง” ว่าถ้าได้พยายามสัก 100 ครั้ง ก็อาจเข้าไปพานพบกับ “โลกที่เราไม่เคยคาดคิด” ก็เป็นได้

 

คำตอบที่ได้มาหลังจากการลังเล

ツッコんでトンでドッカンでツンでもう一回
tsukkonde, tonde, dokkan de, tsun de mou ikkai

พุ่ง กระโจน ระเบิดบึ้ม ไปต่อไม่ได้ อีกรอบ

ツッコんでトンでドッカンで ツンでもう一回
tsukkonde, tonde, dokkan de, tsun de mou ikkai

พุ่ง กระโจน ระเบิดบึ้ม ทางตัน เอาใหม่

スリーツーワン わ〜ミステイク
3, 2, 1 wa~misuteiku

3,2,1 ว๊า〜 พลาดแล้ว

スリーツーワン
3, 2, 1

3, 2, 1

(ส่วนหนึ่งของเนื้อเพลง TONDEMO-WONDERZ)


เมื่อถึงท่อนนี้ความลังเลที่มีมาตั้งแต่ต้นเพลงก็หมดไป
แทนที่จะลบความทรงจำแย่ๆทิ้ง ตัวเอกเลือกที่จะไม่ยอมแพ้นำประสบการณ์มาเป็นบทเรียนแล้วมุ่งไปข้างหน้า

การท้าทายที่ถึงแม้จะเลยครั้งที่ 100 แล้วตาม ตัวเอกก็ยังคงลุกขึ้นมาเพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

ท่อนนี้มีคำว่า「小指拝借」(小指 (koyubi)=นิ้วก้อย, 拝借 (haishaku)=การขอยืม)

น่าจะสื่อถึงการเกี่ยวก้อยสัญญา หรือก็คือ ตัวเอกนั้นได้ให้สัญญากับ “เธอ” ว่า “ไม่ลบหรอกทั้งความสุขทั้ง ความผิดพลาดอะไรนั่น!!”


セカイ, ウチュー(宇宙), 未来 超だいすきでギューじゃん!
sekai uchuu mirai chou daisuki de gyuu jyan! 

จะโลก จะอวกาศ จะอนาคต ชอบที่สุดเลย กอดกอดกัน!

みんなみんな笑っちゃえの正解(世界)は
minna minna waracchae no sekai wa

โลกที่ทุกทุกคนจะมีรอยยิ้ม

宿敵(ライバル) 逆境 モンスター何だってin(良ん)じゃん!
raibaru gyakkyou monsutaa nan datte in jyan!

คู่ต่อสู้ สถานการณ์เลวร้าย มอนสเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็เข้ามาเลย!

スットンキョウでサイキョウ, お菓子いだろ?
suttonkyou de saikyou, okashii daro?

แข็งแกร่งแต่บ้าบอ พิลึกนะว่าไหม?

(ส่วนหนึ่งของเนื้อเพลง TONDEMO-WONDERZ)


旋回 (senkai) =การหมุนเป็นวงกลม   พ้องเสียงกับ       千回= พันครั้ง

満開 (mankai)=(ดอกไม้,รอยยิ้ม)เบิกบาน พ้องเสียงกับ 万回=หมื่นครั้ง


การพยายามกับอะไรสักอย่างย่อมต้องมีพลาดบ้าง สำเร็จบ้าง
ไม่ว่าผลลัพธ์จะดีหรือร้าย การไม่เลือกลบความทรงจำเหล่านั้นไป แล้วให้มันเป็นประสบการณ์สู่อนาคต

ยังไงเสีย การเกิดขึ้นของความผิดพลาด และสำเร็จก็คงจะสลับวนเวียนอย่างนี้เป็นหมื่นๆครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย

เนื้อเพลงหลังจาก ∞ (สัญลักษณ์อินฟินิตี้) ที่แสดงถึงความเป็นอนันต์หรือไม่มีที่สิ้นสุด มีเนื้อเพลงต่อว่า

「不死議は鳥壊せない!」(fushigi wa torikowasenai!)
ส่วนที่ว่า「鳥壊せない」(torikowasenai!) นั้นน่าจะไปคล้องกับ

取り壊せない」ที่หมายถึง ไม่มีสิ่งใดมาทำอะไรเราได้

และท่อนนี้ยังมีการกล่าวถึงนกฟีนิกซ์ ที่อาจสื่อถึง ความมุ่งมั่นที่ถึงแม้ว่าจะล้มเหลวสักกี่ครั้ง เราก็จะมุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งก็เหมือนกับ  不死鳥 (fushichou)= นกฟีนิกซ์ ที่ไม่ว่าชีวิตจะดับลงกี่ครั้ง แต่ชีวิตของนกฟีนิกซ์ก็ไม่เคยดับสูญและจะเกิดใหม่อีกครั้งเสมอ

 

เพลงให้กำลังใจที่ความหมายขึ้นอยู่กับผู้ฟังแต่ละคน

เพลง TONDEMO-WONDERZ ที่มีจุดเด่นที่เนื้อเพลงที่สนุกสนาน ทำนองครึกครื้นติดหูนี้

ถ้าหากเรามาลองวิเคราะห์เนื้อเพลงดู TONDEMO-WONDERZ ไม่ใช่เพลงที่พูดถึงเรื่องความอึดอัดในการที่จะต้องแสวงหาความสมบูรณ์แบบแต่อย่างใด แต่เป็นเพลงที่ต้องการจะสื่อว่าเราควรจะนำประสบการณ์ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่ผ่านมา ให้มันเป็นบทเรียนในอนาคตภายภาคหน้าต่อไปต่างหาก

TONDEMO-WONDERZ เป็นบทเพลงที่การเข้าใจความหมายจะต่างออกไปตามผู้ฟังแต่ละคน

แต่ผมคิดว่าสิ่งที่ผู้ฟังจะรับรู้ได้เหมือนกันก็คงจะเป็น “เมื่อได้ฟังเพลงให้กำลังใจเพลงนี้ ภายในใจจะรู้สึกเหมือนได้รับการปลอบประโลม ณ ตรงไหนสักแห่ง”

ท้ายที่สุดนี้ผมก็อยากให้ทุกคนได้ลองไปฟังเพลงพร้อมดู MV แล้วลองทำความเข้าใจเนื้อเพลงในแบบของตัวเองกัน

 

            Music, Lyrics                              : sasakure.UK                
            Keyboard, Key arrangement       : 岸田勇気(有形ランペイジ)

            Illustration, Video                        : APO+

Hatsune miku x KAITO

Illust      : 4                                                                   

Movie    :   OTOIRO

Wonderlands x Showtime x KAITO

 

 

・Yumi-chan ได้ยึดคอลัมน์ของคนคนนี้ในการแปลเพลง TONDEMO-WONDERZ ในบล็อกคราวก่อน ก็เลยคิดว่าไหนไหนก็ไหนไหน มาแปลคอลัมน์อีกหน่อยจะเป็นไรไป (แถมพอแปลคอลัมน์ไปเรื่อยๆ ก็เลยได้ไปแก้บางจุดที่แปลเพลงอีก55)

・สำหรับ Yumi-chan การที่ได้อ่าน คอลัมน์นี้กับการไม่ได้อ่านคงจะทำให้ การแปลเพลงต่างจากที่แปลไปแล้วมากๆเลย หวังว่าถ้าเพื่อนๆที่ได้มาอ่าน ความเข้าใจในเนื้อเพลงจะเพิ่มขึ้นสักนิดก็โอเคแล้วค่ะ

・แต่แปลคอลัมน์ก็ไม่ได้ง่ายเลยนะ55

 

 

ขอบคุณที่อ่านจนถึงตรงนี้ เจอกันใหม่ Blog ต่อไป

Yumi-chan 

 

ขอขอบคุณ คอลัมน์เนื้อหาที่นำมาแปล

https://utaten.com/specialArticle/index/6430